ชงตัดงบอาหารเย็น สส.-สว. วันประชุม -“จิรัฏฐ์” ไล่บี้งบศาล

รัฐสภา 22 มี.ค.-“นพ.ทศพร” ชงตัดงบอาหารเย็น สส.-สว. วันประชุม ส่วน “จิรัฏฐ์” ไล่บี้ “งบศาล” แฉตั้งโครงการเป็นข้ออ้างใช้งบเที่ยว ตปท. ยกรถเบนซ์ S คลาส ใช้ไม่ถึง 6 ปี ปีนี้ขออีกแล้ว


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่กรรมการธิการพิจารณาเสร็จแล้ว มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม เป็นวันสุดท้าย โดยมาตรา 30 งบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานของรัฐสภา ที่คณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ตัดลด งบเหลือ 2,877,448,900 บาท จากที่ขอมา 2,938,336,900 บาท  สส. หลายคนอภิปรายเรื่องงบอาหารของสมาชิกรัฐสภา อาทิ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปราย ว่า ทราบว่างบต่อหัวต่อคน ตกวันละ 1,000 บาท หรือปีละ 100 ล้านบาท ทั้งอาหาร สส. สว.และกมธ. โดยที่ช่วงเย็นของวัน ที่มีประชุมจะมีภาพอาหารกองอยู่บนโต๊ะ บางคนเอากลับไปรับประทานที่บ้าน บางคนเอาไปให้คนยากไร้ แต่วิธีการดังกล่าวไม่ใช่การแก้ปัญหา อยากให้ตัดงบอาหารมื้อเย็น เพราะกินเหลือทุกครั้ง

ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ชี้แจง ว่าเรื่องอาหาร มีการปฏิบัติกันแบบนี้ตั้งแต่มีสภาฯ โดยมีความพยายามแก้ปัญหาอยู่ตลอด แต่เนื่องจากการปฏิบัติงานของสภาฯ ไม่มีเวลาแน่นอน บางครั้งเลิกประชุมเร็ว บางครั้งเลิกช้า จึงอยากให้เข้าใจว่าเรื่องของอาหารหากเหลือก็นำกลับบ้าน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เราต้องทำแบบนี้ต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับประทานอาหาร เพราะหากประชุมเลิกดึก ก็ไม่รู้จะไปรับประทานอาหารที่ไหน จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบ ตามกมธ.เสียงข้างมากไปได้อย่างราบรื่น 


ส่วนมาตรา 31 งบหน่วยงานของศาล กรรมาธิการเสียงข้างมากมีมติปรับลด 36 ล้านบาท นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้แปรญัตติสงวนความเห็น ขอปรับลด 10% อภิปรายว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีโครงการส่งคนไปเรียนตามหลักสูตรต่างๆ เช่น พตส. วปอ. แล้วหน่วยงานเหล่านั้นก็ผลัดกันส่งคนมาเรียนที่ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการผลัดกันเกาหลัง นอกจากนี้ ยังมีงบเสริมสร้างบุคลากร แต่ก็ใช้งบไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน จะสร้างองค์ความรู้กันที่สำนักงานตัวเองก็ไม่ได้

“โครงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญต่อประชาชน จุดประสงค์ คือสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ 620,000 บาท เราโหลดรัฐธรรมนูญมาอ่านก็ได้ครับ  ถ้าอยากรู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่อะไร” นายจิรัฏฐ์ กล่าว

นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีโครงการ สัมมนาเครือข่ายทางวิชาการ เพื่อกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของศาลรัฐธรรมนูญ  “1 ล้านบาท ก็ไปเที่ยวกันนั่นแหละครับ ใช้คำวนไปวนมา ก็ไปเที่ยวกันเกือบทั้งหมด ผมคิดว่ามันไม่เป็นประโยชน์ เรายังทำทุกปีทำเป็นประจำ ทำเป็นรูทีนเลย”


นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า ตนฟังแล้วงง มองว่าควรปรับลดงบบุคลากรที่เพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้จัดทำรายงานประจำปีย้อนหลัง 3 ปี เราควรจะให้หรือไม่ รวมถึงงบที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของบรถประจำตำแหน่งมา เนื่องจากใช้งานมาแล้ว 6 ปี

“ตอนนี้จะครบ 6 ปีแล้ว เลยต้องรีบขอรถเบนซ์ S350d มองว่าไม่จำเป็น เราทราบกันดีอยู่แล้วว่างบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีเยอะ 57 ล้านต่อปี ยังไม่นับค่าประชุม เบี้ยรับรอง แต่ปีที่แล้วทำงานกันแค่ 24 คดี ถ้าย้อนกลับไปเฉลี่ยแค่ 16 คดีต่อปี ขอให้ดูสถานการณ์บ้านเมืองด้วย จะสบายกันไม่รู้ถึงเมื่อไหร่ ยังจะต้องเอาทุกอย่างเลย เห็นหัวประชาชนหน่อยครับ” นายจิรัฏฐ์ กล่าว

จากนั้น นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า เราเองคาดหวังความเป็นธรรมกับผู้อื่น เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้อื่นเช่นเดียวกัน เรื่องรถเรื่องบ้าน เราได้พูดกันในที่ประชุมตลอดเวลา การเช่าเป็นวิธีที่หน่วยงานส่วนใหญ่เลือกใช้ แต่หากพิจารณาแล้ว การเลือกที่จะซื้อทำให้ประหยัดงบประมาณมากกว่า โดยค่าซ่อมบำรุงเป็นไปตามหลักการ ข้าราชการตุลาการใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ ใช้ชีวิตแบบอิสระกับคนอื่นไม่ได้ บางทีถ้าคุณไม่เข้าใจวิธีการ ก็ไปโจมตีเขาแบบผิดๆ ถูกๆ ถ้าไม่ให้ เขาสันโดษ ความอิสระก็ไม่มี ต้องเกรงอกเกรงใจไปทั่ว พร้อมถามกลับว่า หากไม่ให้มีผู้ช่วย สส.บ้าง จะดูแลประชาชนอย่างไร ถ้าจะแก้ ขอให้แก้หลักใหญ่ อย่าไปโจมตีจุดเล็กจะได้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิสมาชิก และในฐานะทนายความเก่า ทวงถามเงินวางศาล เงินประกันตัว ตามข้อหาต่างๆ ที่คนโดน ซึ่งเป็นจำนวนหลักแสน ตนติดใจว่าเมื่อคดีเสร็จสิ้นแล้วได้คืนเงินประกันเหล่านี้หรือไม่ ซึ่งตามความเป็นจริงคืนแค่เงินต้น แต่ดอกเบี้ยไม่ได้คืนด้วย ตนขอสอบถามกรรมาธิการที่ไปทำหน้าที่แทน สส. ว่าได้สอบถามไปให้หรือไม่ ทำไมไม่คืนเงินให้กับจำเลย โจทก์ จะมีความผิดฐานลักของโจรหรือไม่ มีคนบอกว่าอย่าพูดเรื่องนี้ แต่ตนอยากถามว่าท่านใช้สิทธิอะไร เอาเงินที่ไม่ใช่เงินของท่าน ไปเป็นเงินสวัสดิการของพวกท่านเอง

ภายหลังกรรมาธิการชี้แจง นายอดิศร ได้ถามต่อว่า ตนยังติดใจเรื่องดอกเบี้ย อยากให้เพิ่มเป็นข้อสังเกต ดอกเบี้ยเงินของใครคืนให้คนนั้น ศาลไม่ต้องไปยุ่ง เดี๋ยวจะเป็นขี้ปาก มีความผิดฐานลักทรัพย์รับของโจร ขอให้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอย่าเอาเงินของคู่ความไปใช้ ไม่สมศักดิ์ศรี ทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราว เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้งบประมาณปีหน้า และจะทำให้ตนมีความสุขที่สุดตลอดชีวิต

ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก กล่าวว่า เห็นด้วย แต่ขอให้ใช้กลไกอื่นในการดำเนินการ เรื่องงบประมาณเดินหน้ามาถึงจุดนี้แล้ว ขอให้ลงมติเห็นชอบกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก ก่อนที่ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]