รัฐสภา 22 มี.ค.-“นพ.ทศพร” ชงตัดงบอาหารเย็น สส.-สว. วันประชุม ส่วน “จิรัฏฐ์” ไล่บี้ “งบศาล” แฉตั้งโครงการเป็นข้ออ้างใช้งบเที่ยว ตปท. ยกรถเบนซ์ S คลาส ใช้ไม่ถึง 6 ปี ปีนี้ขออีกแล้ว
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่กรรมการธิการพิจารณาเสร็จแล้ว มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม เป็นวันสุดท้าย โดยมาตรา 30 งบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานของรัฐสภา ที่คณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ตัดลด งบเหลือ 2,877,448,900 บาท จากที่ขอมา 2,938,336,900 บาท สส. หลายคนอภิปรายเรื่องงบอาหารของสมาชิกรัฐสภา อาทิ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปราย ว่า ทราบว่างบต่อหัวต่อคน ตกวันละ 1,000 บาท หรือปีละ 100 ล้านบาท ทั้งอาหาร สส. สว.และกมธ. โดยที่ช่วงเย็นของวัน ที่มีประชุมจะมีภาพอาหารกองอยู่บนโต๊ะ บางคนเอากลับไปรับประทานที่บ้าน บางคนเอาไปให้คนยากไร้ แต่วิธีการดังกล่าวไม่ใช่การแก้ปัญหา อยากให้ตัดงบอาหารมื้อเย็น เพราะกินเหลือทุกครั้ง
ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ชี้แจง ว่าเรื่องอาหาร มีการปฏิบัติกันแบบนี้ตั้งแต่มีสภาฯ โดยมีความพยายามแก้ปัญหาอยู่ตลอด แต่เนื่องจากการปฏิบัติงานของสภาฯ ไม่มีเวลาแน่นอน บางครั้งเลิกประชุมเร็ว บางครั้งเลิกช้า จึงอยากให้เข้าใจว่าเรื่องของอาหารหากเหลือก็นำกลับบ้าน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เราต้องทำแบบนี้ต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับประทานอาหาร เพราะหากประชุมเลิกดึก ก็ไม่รู้จะไปรับประทานอาหารที่ไหน จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบ ตามกมธ.เสียงข้างมากไปได้อย่างราบรื่น
ส่วนมาตรา 31 งบหน่วยงานของศาล กรรมาธิการเสียงข้างมากมีมติปรับลด 36 ล้านบาท นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้แปรญัตติสงวนความเห็น ขอปรับลด 10% อภิปรายว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีโครงการส่งคนไปเรียนตามหลักสูตรต่างๆ เช่น พตส. วปอ. แล้วหน่วยงานเหล่านั้นก็ผลัดกันส่งคนมาเรียนที่ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการผลัดกันเกาหลัง นอกจากนี้ ยังมีงบเสริมสร้างบุคลากร แต่ก็ใช้งบไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน จะสร้างองค์ความรู้กันที่สำนักงานตัวเองก็ไม่ได้
“โครงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญต่อประชาชน จุดประสงค์ คือสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ 620,000 บาท เราโหลดรัฐธรรมนูญมาอ่านก็ได้ครับ ถ้าอยากรู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่อะไร” นายจิรัฏฐ์ กล่าว
นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีโครงการ สัมมนาเครือข่ายทางวิชาการ เพื่อกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของศาลรัฐธรรมนูญ “1 ล้านบาท ก็ไปเที่ยวกันนั่นแหละครับ ใช้คำวนไปวนมา ก็ไปเที่ยวกันเกือบทั้งหมด ผมคิดว่ามันไม่เป็นประโยชน์ เรายังทำทุกปีทำเป็นประจำ ทำเป็นรูทีนเลย”
นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า ตนฟังแล้วงง มองว่าควรปรับลดงบบุคลากรที่เพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้จัดทำรายงานประจำปีย้อนหลัง 3 ปี เราควรจะให้หรือไม่ รวมถึงงบที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของบรถประจำตำแหน่งมา เนื่องจากใช้งานมาแล้ว 6 ปี
“ตอนนี้จะครบ 6 ปีแล้ว เลยต้องรีบขอรถเบนซ์ S350d มองว่าไม่จำเป็น เราทราบกันดีอยู่แล้วว่างบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีเยอะ 57 ล้านต่อปี ยังไม่นับค่าประชุม เบี้ยรับรอง แต่ปีที่แล้วทำงานกันแค่ 24 คดี ถ้าย้อนกลับไปเฉลี่ยแค่ 16 คดีต่อปี ขอให้ดูสถานการณ์บ้านเมืองด้วย จะสบายกันไม่รู้ถึงเมื่อไหร่ ยังจะต้องเอาทุกอย่างเลย เห็นหัวประชาชนหน่อยครับ” นายจิรัฏฐ์ กล่าว
จากนั้น นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า เราเองคาดหวังความเป็นธรรมกับผู้อื่น เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้อื่นเช่นเดียวกัน เรื่องรถเรื่องบ้าน เราได้พูดกันในที่ประชุมตลอดเวลา การเช่าเป็นวิธีที่หน่วยงานส่วนใหญ่เลือกใช้ แต่หากพิจารณาแล้ว การเลือกที่จะซื้อทำให้ประหยัดงบประมาณมากกว่า โดยค่าซ่อมบำรุงเป็นไปตามหลักการ ข้าราชการตุลาการใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ ใช้ชีวิตแบบอิสระกับคนอื่นไม่ได้ บางทีถ้าคุณไม่เข้าใจวิธีการ ก็ไปโจมตีเขาแบบผิดๆ ถูกๆ ถ้าไม่ให้ เขาสันโดษ ความอิสระก็ไม่มี ต้องเกรงอกเกรงใจไปทั่ว พร้อมถามกลับว่า หากไม่ให้มีผู้ช่วย สส.บ้าง จะดูแลประชาชนอย่างไร ถ้าจะแก้ ขอให้แก้หลักใหญ่ อย่าไปโจมตีจุดเล็กจะได้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิสมาชิก และในฐานะทนายความเก่า ทวงถามเงินวางศาล เงินประกันตัว ตามข้อหาต่างๆ ที่คนโดน ซึ่งเป็นจำนวนหลักแสน ตนติดใจว่าเมื่อคดีเสร็จสิ้นแล้วได้คืนเงินประกันเหล่านี้หรือไม่ ซึ่งตามความเป็นจริงคืนแค่เงินต้น แต่ดอกเบี้ยไม่ได้คืนด้วย ตนขอสอบถามกรรมาธิการที่ไปทำหน้าที่แทน สส. ว่าได้สอบถามไปให้หรือไม่ ทำไมไม่คืนเงินให้กับจำเลย โจทก์ จะมีความผิดฐานลักของโจรหรือไม่ มีคนบอกว่าอย่าพูดเรื่องนี้ แต่ตนอยากถามว่าท่านใช้สิทธิอะไร เอาเงินที่ไม่ใช่เงินของท่าน ไปเป็นเงินสวัสดิการของพวกท่านเอง
ภายหลังกรรมาธิการชี้แจง นายอดิศร ได้ถามต่อว่า ตนยังติดใจเรื่องดอกเบี้ย อยากให้เพิ่มเป็นข้อสังเกต ดอกเบี้ยเงินของใครคืนให้คนนั้น ศาลไม่ต้องไปยุ่ง เดี๋ยวจะเป็นขี้ปาก มีความผิดฐานลักทรัพย์รับของโจร ขอให้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอย่าเอาเงินของคู่ความไปใช้ ไม่สมศักดิ์ศรี ทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราว เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้งบประมาณปีหน้า และจะทำให้ตนมีความสุขที่สุดตลอดชีวิต
ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก กล่าวว่า เห็นด้วย แต่ขอให้ใช้กลไกอื่นในการดำเนินการ เรื่องงบประมาณเดินหน้ามาถึงจุดนี้แล้ว ขอให้ลงมติเห็นชอบกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก ก่อนที่ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก.-312.-สำนักข่าวไทย