รัฐสภา 13 มี.ค.-สภาฯ รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายฯ ลดอุปสรรคและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ ปปง.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า หลักการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2559 คือ 1. กำหนดการห้ามช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคคลที่ถูกกำหนดและบทกำหนดโทษ 2. กำหนดผู้มีหน้าที่รายงานที่ไม่ต้องกำหนดนโยบายในการประเมินความเสี่ยง 3. แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การดำเนินการกับทรัพย์สินที่ถูกระงับการดำเนินการ 4. แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) 5. แก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดโทษและความผิดที่เปรียบเทียบได้ 6. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบความผิดฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผล พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายฯ 2559 กำหนดองค์ประกอบความผิด ฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ครอบคลุมถึงการทำธุรกรรมเล็กน้อย หรือการดำเนินกิจกรรมทางการเงิน ซึ่งเป็นปกติทางการค้าหรือมีเหตุอันสมควรและมีโทษทางอาญา เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคล การกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ถูกระงับการดำเนินการ และบทกำหนดโทษบางประการยังไม่เหมาะสมกับการกระทำความผิด นอกจากนี้ หน้าที่และอำนาจของสำนักงาน ปปง. ในการรวบรวมหลักฐาน และการดำเนินคดียังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอทำให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น เพื่อให้ประเทศมีมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและ การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล จึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.บ.นี้
จากนั้น สมาชิกได้อภิปรายแสดงความเห็นสนับสนุนหลักการของร่างกฎหมายฉบับนี้ เพราะจะส่งเสริมให้การแก้ปัญหาการก่อการร้ายของไทยมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักสากลมากขึ้น แต่เห็นว่าการดำเนินการใดๆ ต้องยึดตามหลักสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก ทั้งนี้หลังการอภิปรายที่ประชุมมีมติเห็นชอบรับหลักการวาระแรกด้วย 416 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณา จำนวน 31 คน กำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการลงมติเสร็จสิ้น พรรคก้าวไกล พยายามเสนอให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า แต่นายพิเชษฐ์ ซึ่งนั่งเป็นประธานในที่ประชุม ระบุว่า ให้วิปทั้งสองฝ่ายไปคุยกันเอง และเห็นว่า ไม่มีระเบียบวาระแล้ว จึงสั่งปิดการประชุม เมื่อเวลา 15.00 น. ทำให้ สส. พรรคก้าวไกล ไม่พอใจ รวมตัวกันทำท่าทาง ด้วยการยกมือขึ้นและแบมือสองข้าง เป็นเชิงสัญลักษณ์ สื่อให้เห็นว่า สุดท้ายก็ไม่ได้พิจารณาวาระดังกล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย