กรุงเทพฯ 11 มี.ค.-โฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการไทยมีส่วนในซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ EV ต่อเนื่อง ยืนยันต้องการให้คนไทยได้ประโยชน์อุตสาหกรรมยานยนต์ EV หนุนเศรษฐกิจไทย พร้อมสู้ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลสนับสนุนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเข้าไปมีส่วนในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรม EV ในการดำเนินนโยบายส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของรัฐบาลที่มีเป้าหมายให้เกิดการผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle) ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2030 หรือที่เรียกว่านโยบาย 30@30 โดยสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเข้าไปมีส่วนในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรม EV ผ่านการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV3 และ EV3.5 มีการใช้แบตเตอรี่หรือชิ้นส่วนสำคัญที่ผลิตในประเทศ เช่น มอเตอร์ขับเคลื่อน ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ระบบควบคุมการขับขี่ (DCU) อินเวอร์เตอร์ เกียร์ทดรอบ หรือคอมเพรสเซอร์ระบบปรับอากาศ เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน BOI ได้ให้การส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า การผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนส าคัญ และการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 103 โครงการ เงินลงทุนรวม 77,192 ล้านบาท และให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ โดยได้ทำงานร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย สมาคมยานยนต์ และบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์และอื่น ๆ จัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น กิจกรรมจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ (Sourcing Day) กิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ กิจกรรมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วน เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในประเทศเข้าไปมีบทบาทในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมเป้าหมาย
นอกจากกิจกรรมมุ่งเป้ารายบริษัท บีโอไอได้ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดงานใหญ่เพื่อแสดงสินค้าอุตสาหกรรมสนับสนุน (Supporting Industries) ในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี ภายใต้ชื่อ SUBCON Thailand โดยเป็นเวทีในการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและการจับคู่ธุรกิจระดับนานาชาติ โดยในปี 2566 งาน SUBCON Thailand ที่กรุงเทพฯ มีผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมร่วมออกงานกว่า 160 บริษัท เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 8,500 คู่ มีมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 20,000 ล้านบาท ในขณะที่งาน SUBCON ในภาคตะวันออก ที่จัดขึ้นเป็นปีที่สองในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 150 บริษัท เกิดการจับคู่เจรจาทางธุรกิจกว่า 800 คู่ และมีมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 7,000 ล้านบาท
“รัฐบาลมีความตั้งใจในทุกนโยบายที่ดำเนินเพื่อวัตถุประสงค์หลักให้คนไทยได้ประโยชน์ โดยรัฐบาลเร่งดำเนินการด้านการพัฒนาผู้ประกอบการไทย และเชื่อมั่นในศักยภาพผู้ประกอบการไทย ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ศักยภาพของผู้ประกอบการไทยจะมีมากจนเป็นผู้ครองตลาดซัพพลายเชนสำคัญ” นายชัย กล่าว
อนึ่ง งาน SUBCON Thailand ในปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 18 พฤษภาคม 2567 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยจะมุ่งเน้นให้เกิดการเชื่อมโยงซัพพลายเชนในสองอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศและสร้างงานให้แก่คนไทยจำนวนมาก โดยงานดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายชิ้นส่วนอุตสาหกรรมจากผู้ประกอบการในประเทศ รวมถึงจะมีการจัดสัมมนาพิเศษเพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์ EV จากประเทศจีนได้นำเสนอแผนการพัฒนาซัพพลายเชน และนโยบายการจัดซื้อชิ้นส่วนของบริษัทในประเทศไทย.-316.-สำนักข่าวไทย