รัฐสภา 11 มี.ค.-รมว.ดิจิทัลฯ ยันรัฐบาลเดินหน้าปราบปรามแก็งคอลเซ็นเตอร์ต่อเนื่อง ตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) ให้บริการประชาชนแบบครบวงจร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภา วันนี้ (11 มี.ค.67) ได้พิจารณาวาระทู้ถาม เรื่องการป้องกันและปราบปรามแก๊ง Call Center ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ที่พลตรี โอสถ ภาวิไล สมาชิกวุฒิสภาตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีถึงแนวทางและมาตรการปราบปรามแก๊งของรัฐบาล ซึ่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้รับมอบหมายเป็นผู้มาตอบกระทู้ถามแทน ชี้แจงถึงมาตรการการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า รัฐบาลตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน โดยหากมองย้อนไปในอดีตที่ผ่านมาในช่วงสถานการณ์โควิด – 19 แพร่ระบาด ประชาชนใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เทคโนโลยีในรูปแบบโซเชียลมีเดียมากยิ่งขึ้น
“กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงต้องบูรณาการการแก้ปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และ กสทช. รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) หรือ AOC เป็นศูนย์ที่ให้บริการประชาชนแบบครบวงจร ซึ่งสายด่วน AOC 1441 ให้บริการประชาชนเฉลี่ยวันละ 3,000 คู่สาย ขณะเดียวกัน ได้ออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 โดยให้อำนาจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัยระงับธุรกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เพื่อยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นก่อนขยายวงกว้าง” นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงภัยและวิธีการหลอกลวงผ่านทุกช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียเพื่อให้ประชาชนได้เกิดความตระหนักและมีภูมิคุ้มกัน พร้อมขยายขอบเขตการทำงานครอบคลุมทุกมิติ และประสานความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านการลงนาม MOU และร่วมเวทีรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลเพื่อเสนอเร่งยกระดับต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ ทังนี้ การณาการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ดำเนินการในขณะนี้ยังได้ผลอย่างต่อเนื่อง หากในอนาคตการแก้ปัญหายังไม่ได้ผลเป็นรูปธรรม รัฐบาลพร้อมยกระดับปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาระดับชาติเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป.-312.-สำนักข่าวไทย