8 มี.ค.- นายกฯ ปราศรัยวันสตรีสากล ประจำปี 2567 ย้ำประเทศไทยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างบทบาทสตรี “เสริมพลังสตรี และเด็กหญิง ขจัดความยากจน สู่ความเท่าเทียมระหว่างเพศ บนพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่น”
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยเนื่องในโอกาส “วันสตรีสากล” ประจำปี 2567 วันที่ 8 มีนาคม 2567 ส่งความระลึกถึง และความปรารถนาดีมายังสตรีไทย รวมทั้งผู้ที่ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสตรีทุกคน ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 8 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันสตรีสากล” เพื่อให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของสตรีที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคม และประเทศชาติ ร่วมรณรงค์ให้มีการปฏิบัติต่อสตรีอย่างเท่าเทียม รวมทั้งเชิดชูเกียรติแก่สตรีที่ได้ทำคุณประโยชน์แก่ส่วนรวม
ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างบทบาทสตรี โดยในปีนี้กำหนดแนวคิด “เสริมพลังสตรี และเด็กหญิง ขจัดความยากจน สู่ความเท่าเทียมระหว่างเพศ บนพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่น”เพื่อสร้างความตระหนักและการรับรู้ของสังคมส่วนรวมว่า สตรีทุกคนควรได้รับการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาตั้งแต่วัยเยาว์ ทั้งการได้รับการศึกษา การประกอบสัมมาชีพ การได้รับสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของสตรีให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องส่งเสริมและพัฒนาบทบาทของสตรีในสังคม เน้นความเสมอภาคทางเพศโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ได้รับการเคารพ มีเกียรติและคุณค่าความเป็นสตรี
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรามีกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนสตรีที่ขาดโอกาสและแก้ไขปัญหาของสตรีที่ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงเป็นแหล่งเงินทุนที่จะใช้เพื่อสร้างอาชีพและสวัสดิการให้แก่สตรีที่ด้อยโอกาส เพื่อให้สตรีทุกคนมีบทบาทนำในสังคมได้อย่างภาคภูมิใจ สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคง มีรายได้เลี้ยงดูตนเองและสามารถจุนเจือครอบครัวให้มีความอยู่ดี กินดี มีความสุข
“ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการดำเนินภารกิจส่งเสริม คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิรวมทั้งพัฒนาศักยภาพของสตรีมาอย่างต่อเนื่อง ในโอกาส “วันสตรีสากล” ผมขออวยพรให้สตรีไทย ผู้ที่ได้รับรางวัลและผู้ที่ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสตรีไทยทุกคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพกาย สุขภาพใจแข็งแรงสมบูรณ์ และสัมฤทธิผลในสิ่งที่พึงปรารถนาทุกประการโดยทั่วกัน”. 314.-สำนักข่าวไทย