รัฐสภา 28 ก.พ.- ’ชัยวัฒน์‘ ลั่นที่ ส.ป.ก.ทับซ้อนเป็นของอุทยาน 100% มีข้อมูล-หลักฐานชัด โวยกรมแผนที่ทหารต้องซื่อสัตย์ พูดความจริง ท้าให้เจอกันที่ศาล พร้อมชี้แจงถ้านายกฯ ให้โอกาส
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวก่อนเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาศึกษาเรื่อง ปัญหาเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดินทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ว่า กรรมาธิการฯ เรียกมาชี้แจงเรื่องทึ่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) รุกเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเรายืนยันชัดเจนอยู่แล้วว่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีเส้นแบ่งเขตตามพระราชกฤษฎีกาที่ผ่านมติทุกเรื่องมาแล้ว ยืนยันความชัดเจนและความถูกต้อง และมีหลายเรื่องที่ต้องชี้แจงในกรรมาธิการฯ
ส่วนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่า กรมแผนที่ทหารยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นแนวกันชน นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่มีแนวกันชน พ.ร.ก.เป็นแบบไหนก็แบบนั้น จะมาบอกว่าตรงนั้นเป็นแนวกันชน ไม่ใช่
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของกรมอุทยานฯ ใช่หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ใช่ ขอถามกลับว่าคำว่าแนวกันชนเป็นแนวหลอกลวงหรือเปล่า ขอยืนยันว่ากรมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีพ.ร.ก. จะเอาช่องว่างนั้นเป็นแนวกันชนไม่ได้ เรายืนยันด้วยหลักฐานที่เรามีและใช้ในชั้นศาลมา 30 ปีแล้ว
“ส่วนการที่อ้างว่าจะนำพื้นที่แนวกันชนไปให้ชาวบ้านปลูกป่านั้น ไม่เกี่ยว ตรงนั้นเป็นแนวของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นคนละเรื่องกัน ถ้าความบริสุทธิ์ใจที่ออกมาแถลงข่าวแบบนั้น ก็รีบทำเลย ต้องเข้าใจว่าแนวกันชนในมาตรา 18 ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศเป็นเส้นสีฟ้า ไปดูได้เลยว่าแนวกันชนห่างจากอุทยานแห่งชาติออกไป 3 กิโลเมตร ไม่ใช่เอาช่องว่างของป่าหรือเส้นมาแบ่งเขตว่าไม่ได้อยู่ในอุทยานเป็นแนวกันชน มันไม่ได้ ยืนยัน 100% ว่าเป็นพื้นที่ของเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” นายชัยวัฒน์ กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่าการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ (One Map) เอามาใช้ไม่ได้จริงใช่หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า One Map ยังไม่ได้ประกาศใช้ และคนที่อยู่ในคณะกรรมการ One Map ก็เป็นคนเดียวกันกับที่มาอ้างและออกเอกสารนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ส่วนจะเป็นเอกสารที่ถูกต้องหรือไม่ ค่อยมาว่ากัน
ส่วนจะมีโอกาสเข้าชี้แจงกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ถ้านายกรัฐมนตรีให้โอกาส ให้กรมอุทยานฯ หรือเจ้าหน้าที่เข้าชี้แจง ก็พร้อมเข้าไปชี้แจงความชัดเจน ความแม่นยำ ความถูกต้องต่อผืนป่าทั่วประเทศ ทั้งนี้ มองว่าการตัดสินของกรมแผนที่ทหารต้องพูดความจริงทั้งหมด เอารายละเอียดมาคุยกัน เรื่องจะจบง่าย แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่จบแน่นอน
ส่วนได้คุยกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้วหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า พล.ต.อ.พัชรวาทสั่งการอยู่แล้วให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และรอบคอบ ตนจะเดินหน้าต่อ ไม่มีปัญหา และว่า “ท่านเชื่อมั่นในเราอยู่แล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นท่านก็ต้องปล่อยผมลอยคอสิ วันนี้ท่านบอกว่า ถ้าถูกต้องก็ทำเลย”
เมื่อถามย้ำถึงการเรียกผู้ใหญ่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาคุยกัน เป็นความเข้าใจไม่ตรงกันใช่หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า คิดว่าผู้ใหญ่ฝั่งกระทรวงเกษตรฯ ต้องเข้าใจก่อน ที่เคยพูดว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนหมายความว่าอย่างไร แนวเขตป่าอนุรักษ์คืออะไร ไม่ใช่ขีดเข้ามาในแนวป่าแล้วบอกว่าเป็นแนวกันชน เป็นป่าชุมชนหรือปลูกป่าร่วมกัน มันไม่ใช่ ไม่อย่างนั้นคำพิพากษาศาลทุกคดีที่ถูกตัดสินไปแล้ว แสดงว่าเราผิดหรือแสดงว่าเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่อุทยานฯ มีความผิด ใช่หรือไม่
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้องคืออะไร นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ทุกคนต้องพูดความจริง กรมแผนที่ทหารต้องมีความซื่อสัตย์ในตัวเองก่อน ถ้ากระโดดไป กระโดดมา แบบนี้ถูกต้องหรือไม่ ต้องเรียนว่า ตนก็เรียนการสำรวจพื้นที่ การทำรังวัดแผนที่มา เป็นรุ่นแรกที่ทำสมุดจดการรังวัด (Field Book) และสมุดจดการรังวัดแบบไฟล์ดิจิตอล ในปัจจุบันมีความคลาดเคลื่อนเพียง 5 เซนติเมตร
“จะบอกว่าตรงนั้นเป็นแนวของส.ป.ก. ไม่ได้ ผมขอถามว่าหลักของส.ป.ก.มีหรือไม่ เส้นของกรมพัฒนาที่ดินที่ระบุว่า การจำแนกที่ดินของส.ป.ก.มีหลักหมุดหรือไม่ ไม่ใช่เขียนในกระดาษแล้วมาบอกว่าใช่ ผมมีหมุด มีแผนที่ มีถนนรอบแนวเขตที่ใช้งบประมาณถึง 145 ล้านบาท ขอให้สังคมใช้วิจารณญาณว่า ของใครน่าเชื่อถือที่สุด เจอกันที่ศาล” นายชัยวัฒน์ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย