กทม. 25 ก.พ.-“จ่าประสิทธิ์” โผล่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ขอเข้าเยี่ยม “ทักษิณ” เชื่อเป็นคนมีความรู้ความสามารถ อยากให้กลับมาช่วยพัฒนาประเทศ บอกคนไม่เชื่อว่าป่วย คือคนไม่เปิดใจ
จ่าสิบตำรวจ ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ เขต 6 สังกัดพรรคเพื่อไทย เดินทางมาเพื่อขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่า ตนเองเดินทางมาขอเข้าพบ เพื่อเยี่ยมนายทักษิณ เพราะท่านเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ ตั้งแต่ท่านรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตนเองประทับใจเรื่องนโยบายที่พรรคไทยรักไทยในสมัยนั้นได้มีออกมา และทำให้ประชาชนคนบ้านนอกอยู่ดี กินดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ความเป็นคนบ้านนอก เป็นคนจน คนที่เจ็บไข้ได้ป่วย หลายคนก็เสียชีวิต เพราะไม่มีเงินในการรักษาพยาบาล แต่เมื่อมีโครงการนี้เข้ามาสามารถช่วยเหลือคนจนได้ ตนเองรู้สึกประทับใจ และรักเคารพท่านมาตลอดจนได้มีโอกาสมาร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดง และได้ลงสมัคร สส. ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ จนได้เป็น สส. ให้นามพรรคเพื่อไทย ตนเองเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน เป็นพรรคที่มีนโยบายให้ประชาชนคนรากหญ้าได้ประโยชน์มากที่สุด
ส่วนในวันนี้ไม่ได้มีการประสานเข้ามาเพื่อขอเข้าพบ แต่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมนายทักษิณ เมื่ออยู่ต่างประเทศหลายครั้ง ท่านเมตตาตนเองมาตลอด ซึ่งตอนนี้ ตนเองถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ด้วยความรัก และเคารพเมื่อท่านมีโอกาสกลับมาประเทศไทยก็สำนึกในบุญคุณของท่านเป็นการส่วนตัว และบุญคุณที่ทำกับประชาชนคนไทย โดยเฉพาะคนจน คนรากหญ้า จึงอยากมาเยี่ยมท่าน ย้ำว่า ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันผ่านไลน์ส่วนตัวมาตลอด และในวันนี้ถ้ามีโอกาสได้พบท่าน ก็จะบอกว่าดีใจที่ท่านได้มีโอกาสกลับมาประเทศไทย กลับมาบ้านเกิด อยากให้รักษาสุขภาพให้ดี ที่สำคัญที่สุดคนในพื้นที่ยังเชื่อมั่นในตัวนายทักษิณ ว่าท่านกลับสู่ระบบการเมืองด้วยความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่มี ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกับผู้นำหลายประเทศ ส่วนนี้จะทำให้ประเทศไทยเจริญ และอยู่ดีกินดี เหมือนนายกคนปัจจุบัน คือนายเศรษฐา ทวีสิน ที่มีความรู้ในเรื่องการทำธุรกิจ ที่มุ่งมั่นทำงานหาเงินเข้าสู่ประเทศทำงานอย่างไม่หยุดไม่หย่อน และเชื่อว่า หากมีนายทักษิณ และรัฐบาลชุดนี้ด้วย ประเทศเราจะพัฒนาขึ้นทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้
ส่วนการกลับมาจะเป็นการมองว่ามีนายกรัฐมนตรีสองคนหรือมากกว่านั้นหรือไม่ จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ ระบุว่า ไม่ เป็นความคิดของคนที่ไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้คิดเรื่องความขัดแย้ง อยากให้พัฒนาประเทศ เพราะประเทศไทยบอบช้ำมานาน ไม่อยากให้ประเทศแย่ไปกว่านี้ ถ้าเราสามัคคีกันพัฒนาประเทศไปด้วยกัน ได้คนมีความรู้ ความสามารถมาช่วย ไม่ดีหรือไม่ ส่วนจะมีการปรึกษาหารือกันอย่างไร ก็แล้วแต่ จะเป็นใครก็ได้ที่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ อย่างนายเศรษฐา ก็ไปพบกับอดีตนายกฯ หลายคน อยากให้ทุกคนเปิดใจกว้าง และมาช่วยกันพัฒนาประเทศทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
ส่วนการมองว่านายทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นต่อความขัดแย้งนั้น จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ต้นตอของความขัดแย้ง ทำไมไม่มองย้อนหลังไปเมื่อ 17 – 18 ปีที่แล้ว ที่นายทักษิณถูกยึดอำนาจ และถูกตั้งองค์กรมาทำร้ายท่าน ต้องดูว่าต้นเหตุคืออะไร การโดนยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และจะยุบพรรคเพื่อไทย ซึ่งโดนยุบฝ่ายเดียว ส่วนอีกฝ่ายไม่โดนอะไรเลย ท่านถูกกระทำโดยความอยุติธรรมตั้งแต่แรก และคนก็มองว่าทำไมไม่กลับมาสู้คดี แต่เมื่อกลับมาแล้ว ก็หาเรื่อง เพราะคนเหล่านั้นไม่ชอบ ไม่เปิดใจ แต่ก็ต้องขอบคุณหลายคน กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง หลายคนเปลี่ยนใจมารักก็มี
ส่วนหากถ้ากลับเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองอยากให้ดำรงตำแหน่งอะไรนั้น จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ ระบุว่า ตำแหน่งอะไรก็ได้ที่มีประโยชน์ ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในอนาคต ก็จะดี เพราะมีความรู้ ความสามารถ และจะมีอำนาจในการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งถ้าเป็นไปไม่ได้หรือท่านไม่รับตำแหน่งนี้ ตนเองก็พูดแทนไม่ได้ หรือจะเป็นที่ปรึกษาก็ดี ตนเองเชื่อว่านายทักษิณ อยู่ตรงไหนก็ได้ประโยชน์
จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ ยังยืนยันถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ว่า ท่านอายุมากแล้ว ในตอนที่ไปเยี่ยมที่ต่างประเทศ ก็ป่วยเป็นโควิด – 19 คนที่ไม่เชื่อว่าป่วย คือคนที่ไม่เปิดใจ และไม่ชอบ ซึ่งแพทย์มีหลักฐานการรักษา มีเอกสาร คนจะพูดอย่างไรก็ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือคำรับรองจากแพทย์
“เชื่อเถอะ ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือคุณหมอคนไหนที่เค้าจะเอาชีวิตอนาคตของเค้าไปฝากไว้กับคนคนนึงถ้าไม่เป็นเรื่องจริง” จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ กล่าว
หลังจากนั้น จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ ได้เดินทางมาที่บริเวณหน้าบ้าน และกดกริ่งเพื่อขอเข้าพบ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มาเปิดประตูให้จึงได้เดินทางกลับไป.-317.-สำนักข่าวไทย