นายกฯ ย้ำจะสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง ยกระดับคุณภาพชีวิต

23 ก.พ.- นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ “44 ปี ฐานเศรษฐกิจ: ก้าวใหม่ประเทศไทย” ขอ ปชช.เชื่อมั่นศักยภาพของประเทศ ย้ำรัฐบาลจะสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง นำเงินสู่ประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาทุกมิติ – หวังทุกฝ่ายพาประเทศไทยก้าวใหม่สู่อนาคต


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานครบรอบ “44 ปี ฐานเศรษฐกิจ” ในหัวข้อ ”Thailand New Era : ก้าวใหม่ประเทศไทย” โดยขอให้ประชาชน ไม่ว่าจะเชื่อมั่นใจรัฐบาล หรือตนหรือไม่ แต่ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย โดยย้ำว่า รัฐบาล จะเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง นำเงินมาสู่ประชาชน ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน และการเสริมเสริมสร้างศักยภาพด้านจิตใจของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ประเทศไทยจะอยู่กับวังวนความขัดแย้ง จนมาบดบังแสงสว่างของประเทศ จนประเทศตกต่ำไม่ได้ ซึ่งในการเสริมสร้างศักยภาพจิตใจของประชาชนนั้น รัฐบาลได้ส่งเสริมสิทธิต่าง ๆ ที่ประชาชนพึงจะได้เป็นก้าวใหม่ประเทศไทย ผ่านการเสนอร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เพื่อให้ประชาชนทุกเพศ สามารถอยูในประเทศนี้ได้อย่างเท่าเทียม และรัฐบาล จะยังคงเดินหน้าให้เสรีภาพในเพศสภาพแก่ประชาชน และจะส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ไม่มีอาชีพใดที่ต้องถูกด้อยค่า รวมถึงการสมัครใจเกณฑ์ทหาร ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของพรรคร่วมรัฐบาล จึงได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพถึงปัญหาดังกล่าว เพราะต้องให้สิทธิประชาชนเลือก และให้สิทธิแก่กองทัพ เพิ่มบุคลากรในแขนงที่มีความจำเป็น รวมถึงสิทธิอากาศสะอาด ที่ขณะนี้ ฝุ่น PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ สามารถลดปริมาณไปได้มาก จากการทำงานร่วมกันของหน่วยงานรัฐ และประชาชนให้ความสำคัญ จนทำให้ฝุ่นละอองลดลงไป แม้จะมีอยู่บ้าง แต่ก็จะต้องมีการบริหารจัดการในพื้นที่ที่มีปัญหาให้มากกว่านี้ พร้อมยืนยันว่า หากประเทศเพื่อนบ้านใด เผาซากวัชพืชเกษตร รัฐบาลจะไม่ซื้อสินค้าจากประเทศนั้นเด็ดขาด

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ประชาชนกู้เงินนอกระบบ 80,000 บาท แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึงวันละ 4,000 บาท ดังนั้น ประเทศไทยมิติใหม่ หนี้นอกระบบต้องหมดไป และฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภาครัฐต้องให้ความช่วยเหลือประชาชน อย่ายอมแพ้ เพราะปัญหาเหล่านี้ บั่นทอนศักยภาพประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งรัฐบาล คาดหวังให้ประชาชนมีที่ดินทำกินที่ถูกต้อง สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ หลักประกันเสริมสร้างความคล่องตัวทางการเงินได้ จึงขอให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับที่ดิน ที่ต้องการให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีด้วย


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ผ่านศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยว่า การท่องเที่ยวไทยมีศักยภาพ รัฐบาลได้มีการเปิดฟรีวีซ่าให้กับหลายประเทศ ซึ่งในสัปดาห์หน้า วันที่ 1 มีนาคมนี้ ประชาชนคนไทย สามารถเดินทางไปประเทศจีนได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว และรัฐบาล จะยังคงเดินหน้า เพื่อขอยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศอื่น ๆ ต่อไป รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ที่แต่ละจังหวัด ที่มีซอฟต์พาวเวอร์ มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แต่การเดินทางยังลำบาก ค่าเดินทางบางจังหวัดแพงกว่าการเดินทาไปต่างประเทศ ซึ่งก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหา และพัฒนาต่อไป และรัฐบาล จะพัฒนา และยกระดับสนามบินทั่วประเทศ ให้มีระบบการเข้าออกที่สะดวกสบาย รวดเร็ว ไม่มีขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจ และสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้ รวมถึงการแก้ปัญหาในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแก้ปัญหาครบทุกมิติ ให้เป็นโอกาสดึงดูดการท่องเที่ยวระดับสูง และยกระดับสนามบินของประเทศ รวมถึงยังตั้งใจพัฒนาสายการบินไทย ให้กลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศไทยที่มีศักดิ์ศรีได้อีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยอีกว่า ในต้นเดือนมีนาคมนี้ ตนเองมีกำหนดการเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส เพื่อหารือทวิภาคี ร่วมกับ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดี ที่จะได้นำ “ผ้าย้อมคราม” ของภาคอีสาน ไปนำเสนอกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่น เพื่อสร้างโอกาสให้กับผ้าครามของภาคอีสานไทย และจังหวัดอื่น ๆ เพื่อให้เกษตรกร และผู้ประกอบการ มีรายได้ และมีกำลังใจในการประกอบอาชีพ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรว่า ประเทศไทย มีเกษตรกรกว่า 10 ล้านคน ซึ่งรัฐบาล มีเป้าหมายจะยกระดับรายได้เกษตรกร 3 เท่า ภายใน 4 ปีผ่านนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล เพื่อให้เกษตรกร มีผลตอบแทนต่อไร่สูงขึ้น รวมถึงการเปิดตลาดเกษตรแห่งใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอารับเอมิเรตส์ รวมถึงการปลูกพืชหลากหลาย ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น ถั่วเหลือง, โปรตีนจากพืช หรือ แพลนท์เบส เพื่อให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางอาหาร และสามารถฉายศักยภาพของประเทศไทยได้ รวมถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ที่ประชาชนมุสลิมมีการเจริญเติบโตทางประชากรมาก และอาหารฮาลาล จะกลายเป็นสินค้าที่สำคัญสำหรับประเทศอาหรับ ซึ่งในสัปดาห์หน้า ตนเอง จะลงพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อดูโอกาสในพื้นที่ และนำโอกาสไปให้ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนใต้ นำจุดขายของจังหวัดชายแดนใต้ไปขาย และนำเสนอบนตลาดโลก เช่น ปลานิลน้ำไหล ผังเมืองยะลา ศิลปวัฒนธรรมชายแดนใต้ เพื่อสร้างโอกาส และอนาคตก้าวใหม่ประเทศไทยสู่ชายแดนใต้ เพื่อลดความขัดแย้ง และก่อนหน้านี้ ประเทศไทย ได้หารือกับประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมกันตั้งศูนย์ฮาลาล เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ และแก้ปัญหาความไม่สงบ


นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงสาเหตุที่รัฐบาลชุดนี้ ไม่ดำเนินนโยบายประกันราคาสินค้าการ จำนำ หรือจ้างผลิตว่า เนื่องจากรัฐบาล ไม่ต้องการบิดเบือนราคาตลาด เพราะในประเทศที่เจริญแล้ว จะใช้นโยบายเหล่านี้เมื่อประสบภัยพิบัติ และเกษตรกร ต้องการมีเกียรติ และศักดิ์ศรี สามารถขายสินค้าได้ตามกลไกตลาด แต่ประเทศไทย กลับต้องประสบปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ตนจึงลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาในจังหวัดที่มีปัญหา เช่น อุบลราชธานี จนสามารถแก้ปัญหาได้ ดังนั้น ตนจะลงพื้นที่อีกทุกจังหวัด เพื่อแก้ปัญหา ใส่ใจปัญหา ยกระดับชีวิตประชาชน และเกษตรกรให้ดีขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ จะแก้ไขลำพังโดยนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ไม่ได้ แต่ต้องอาศัยการรวมพลังของภาครัฐ ภาคเอกชน ฝ่ายความมั่นคง และทุก ๆ ภาคส่วน ช่วยกันนำพาประเทศไทยไปถึงจุดที่จะต้องไปให้ถึงได้ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพ ดังนั้น ก้าวใหม่ประเทศไทย จึงถือเป็นหัวข้อการปาฐกถาที่เหมาะสมต่อสถานการณเป็นอย่างมากและตนอยากให้ประเทศไทย โลดแล่นไปในโลกอนาคตได้อย่างมีเกียรติ และศักดิ์ศรี และเชื่อว่า ประชาชน ก็อยากเห็นประเทศไทย มีมุมมองความสว่างไสว เหมือนที่ตนอยากจะเห็นเช่นเดียวกัน.-316 .สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]