นายกฯ ย้ำจะสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง ยกระดับคุณภาพชีวิต

23 ก.พ.- นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ “44 ปี ฐานเศรษฐกิจ: ก้าวใหม่ประเทศไทย” ขอ ปชช.เชื่อมั่นศักยภาพของประเทศ ย้ำรัฐบาลจะสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง นำเงินสู่ประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาทุกมิติ – หวังทุกฝ่ายพาประเทศไทยก้าวใหม่สู่อนาคต


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานครบรอบ “44 ปี ฐานเศรษฐกิจ” ในหัวข้อ ”Thailand New Era : ก้าวใหม่ประเทศไทย” โดยขอให้ประชาชน ไม่ว่าจะเชื่อมั่นใจรัฐบาล หรือตนหรือไม่ แต่ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย โดยย้ำว่า รัฐบาล จะเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง นำเงินมาสู่ประชาชน ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน และการเสริมเสริมสร้างศักยภาพด้านจิตใจของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ประเทศไทยจะอยู่กับวังวนความขัดแย้ง จนมาบดบังแสงสว่างของประเทศ จนประเทศตกต่ำไม่ได้ ซึ่งในการเสริมสร้างศักยภาพจิตใจของประชาชนนั้น รัฐบาลได้ส่งเสริมสิทธิต่าง ๆ ที่ประชาชนพึงจะได้เป็นก้าวใหม่ประเทศไทย ผ่านการเสนอร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เพื่อให้ประชาชนทุกเพศ สามารถอยูในประเทศนี้ได้อย่างเท่าเทียม และรัฐบาล จะยังคงเดินหน้าให้เสรีภาพในเพศสภาพแก่ประชาชน และจะส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ไม่มีอาชีพใดที่ต้องถูกด้อยค่า รวมถึงการสมัครใจเกณฑ์ทหาร ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของพรรคร่วมรัฐบาล จึงได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพถึงปัญหาดังกล่าว เพราะต้องให้สิทธิประชาชนเลือก และให้สิทธิแก่กองทัพ เพิ่มบุคลากรในแขนงที่มีความจำเป็น รวมถึงสิทธิอากาศสะอาด ที่ขณะนี้ ฝุ่น PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ สามารถลดปริมาณไปได้มาก จากการทำงานร่วมกันของหน่วยงานรัฐ และประชาชนให้ความสำคัญ จนทำให้ฝุ่นละอองลดลงไป แม้จะมีอยู่บ้าง แต่ก็จะต้องมีการบริหารจัดการในพื้นที่ที่มีปัญหาให้มากกว่านี้ พร้อมยืนยันว่า หากประเทศเพื่อนบ้านใด เผาซากวัชพืชเกษตร รัฐบาลจะไม่ซื้อสินค้าจากประเทศนั้นเด็ดขาด

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ประชาชนกู้เงินนอกระบบ 80,000 บาท แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึงวันละ 4,000 บาท ดังนั้น ประเทศไทยมิติใหม่ หนี้นอกระบบต้องหมดไป และฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภาครัฐต้องให้ความช่วยเหลือประชาชน อย่ายอมแพ้ เพราะปัญหาเหล่านี้ บั่นทอนศักยภาพประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งรัฐบาล คาดหวังให้ประชาชนมีที่ดินทำกินที่ถูกต้อง สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ หลักประกันเสริมสร้างความคล่องตัวทางการเงินได้ จึงขอให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับที่ดิน ที่ต้องการให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีด้วย


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ผ่านศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยว่า การท่องเที่ยวไทยมีศักยภาพ รัฐบาลได้มีการเปิดฟรีวีซ่าให้กับหลายประเทศ ซึ่งในสัปดาห์หน้า วันที่ 1 มีนาคมนี้ ประชาชนคนไทย สามารถเดินทางไปประเทศจีนได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว และรัฐบาล จะยังคงเดินหน้า เพื่อขอยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศอื่น ๆ ต่อไป รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ที่แต่ละจังหวัด ที่มีซอฟต์พาวเวอร์ มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แต่การเดินทางยังลำบาก ค่าเดินทางบางจังหวัดแพงกว่าการเดินทาไปต่างประเทศ ซึ่งก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหา และพัฒนาต่อไป และรัฐบาล จะพัฒนา และยกระดับสนามบินทั่วประเทศ ให้มีระบบการเข้าออกที่สะดวกสบาย รวดเร็ว ไม่มีขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจ และสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้ รวมถึงการแก้ปัญหาในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแก้ปัญหาครบทุกมิติ ให้เป็นโอกาสดึงดูดการท่องเที่ยวระดับสูง และยกระดับสนามบินของประเทศ รวมถึงยังตั้งใจพัฒนาสายการบินไทย ให้กลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศไทยที่มีศักดิ์ศรีได้อีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยอีกว่า ในต้นเดือนมีนาคมนี้ ตนเองมีกำหนดการเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส เพื่อหารือทวิภาคี ร่วมกับ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดี ที่จะได้นำ “ผ้าย้อมคราม” ของภาคอีสาน ไปนำเสนอกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่น เพื่อสร้างโอกาสให้กับผ้าครามของภาคอีสานไทย และจังหวัดอื่น ๆ เพื่อให้เกษตรกร และผู้ประกอบการ มีรายได้ และมีกำลังใจในการประกอบอาชีพ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรว่า ประเทศไทย มีเกษตรกรกว่า 10 ล้านคน ซึ่งรัฐบาล มีเป้าหมายจะยกระดับรายได้เกษตรกร 3 เท่า ภายใน 4 ปีผ่านนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล เพื่อให้เกษตรกร มีผลตอบแทนต่อไร่สูงขึ้น รวมถึงการเปิดตลาดเกษตรแห่งใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอารับเอมิเรตส์ รวมถึงการปลูกพืชหลากหลาย ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น ถั่วเหลือง, โปรตีนจากพืช หรือ แพลนท์เบส เพื่อให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางอาหาร และสามารถฉายศักยภาพของประเทศไทยได้ รวมถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ที่ประชาชนมุสลิมมีการเจริญเติบโตทางประชากรมาก และอาหารฮาลาล จะกลายเป็นสินค้าที่สำคัญสำหรับประเทศอาหรับ ซึ่งในสัปดาห์หน้า ตนเอง จะลงพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อดูโอกาสในพื้นที่ และนำโอกาสไปให้ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนใต้ นำจุดขายของจังหวัดชายแดนใต้ไปขาย และนำเสนอบนตลาดโลก เช่น ปลานิลน้ำไหล ผังเมืองยะลา ศิลปวัฒนธรรมชายแดนใต้ เพื่อสร้างโอกาส และอนาคตก้าวใหม่ประเทศไทยสู่ชายแดนใต้ เพื่อลดความขัดแย้ง และก่อนหน้านี้ ประเทศไทย ได้หารือกับประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมกันตั้งศูนย์ฮาลาล เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ และแก้ปัญหาความไม่สงบ


นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงสาเหตุที่รัฐบาลชุดนี้ ไม่ดำเนินนโยบายประกันราคาสินค้าการ จำนำ หรือจ้างผลิตว่า เนื่องจากรัฐบาล ไม่ต้องการบิดเบือนราคาตลาด เพราะในประเทศที่เจริญแล้ว จะใช้นโยบายเหล่านี้เมื่อประสบภัยพิบัติ และเกษตรกร ต้องการมีเกียรติ และศักดิ์ศรี สามารถขายสินค้าได้ตามกลไกตลาด แต่ประเทศไทย กลับต้องประสบปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ตนจึงลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาในจังหวัดที่มีปัญหา เช่น อุบลราชธานี จนสามารถแก้ปัญหาได้ ดังนั้น ตนจะลงพื้นที่อีกทุกจังหวัด เพื่อแก้ปัญหา ใส่ใจปัญหา ยกระดับชีวิตประชาชน และเกษตรกรให้ดีขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ จะแก้ไขลำพังโดยนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ไม่ได้ แต่ต้องอาศัยการรวมพลังของภาครัฐ ภาคเอกชน ฝ่ายความมั่นคง และทุก ๆ ภาคส่วน ช่วยกันนำพาประเทศไทยไปถึงจุดที่จะต้องไปให้ถึงได้ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพ ดังนั้น ก้าวใหม่ประเทศไทย จึงถือเป็นหัวข้อการปาฐกถาที่เหมาะสมต่อสถานการณเป็นอย่างมากและตนอยากให้ประเทศไทย โลดแล่นไปในโลกอนาคตได้อย่างมีเกียรติ และศักดิ์ศรี และเชื่อว่า ประชาชน ก็อยากเห็นประเทศไทย มีมุมมองความสว่างไสว เหมือนที่ตนอยากจะเห็นเช่นเดียวกัน.-316 .สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

อัญเชิญเรือพระที่นั่งกลับพิพิธภัณฑ์

หลังสร้างความตราตรึงให้กับชาวไทยและคนทั้งโลก กับความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค กองทัพเรือ และกรมศิลปากร เริ่มอัญเชิญเรือพระที่นั่ง และเรือพระราชพิธี กลับเข้าสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้ความละเอียด รอบคอบ เพราะเรือทุกลำถือเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดิน

ย้อนรอยเส้นทางชีวิต “บิ๊กโจ๊ก”

เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วที่เส้นทางตำรวจของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ต้องยุติลง หลังถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีพัวพันเว็บพนันออนไลน์ จากนี้ชะตาชีวิต “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. ว่าจะได้กลับมาสวมชุดตำรวจอีกหรือไม่

“ปานเทพ” เปิดหลักฐานสัญญาชัด 71 ล้านเป็นชื่อ “มาดามอ้อย”

“อ.ปานเทพ” เปิดหลักฐานหนังสือสัญญาบอกชัด 71 ล้านบาท เป็นชื่อ “มาดามอ้อย” เปิด 3 รายชื่อให้เร่งตรวจสอบ หวั่นโยกย้ายทรัพย์สิน