รัฐสภา 21 ก.พ.-ผบ.ตร.แจงกมธ.งบ 67 ย้ำตรวจสอบได้ โอดขาดแคลนกำลังพล ส่วนใหญ่หนี้ท่วมตัว ยืนยันตร.จงรักภักดี พร้อมถวายชีวิตคุ้มครองขบวนเสด็จฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 15 เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งเป็นวาระการพิจารณางบประมาณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน 117,198,247,300 บาท โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้าชี้แจงและตอบคำถามของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ด้วยตัวเอง พร้อมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมการชี้แจงอย่างพร้อมเพรียงกัน
“แค่ฟังคำถามหัวผมก็แทบจะระเบิดแล้ว ให้ไปรบกับใครยังง่ายกว่า วันนี้จะพูดในภาพรวม ความรู้สึกและเปิดหัวใจกับพวกท่าน ยอมรับว่าทุกคนคาดหวังกับการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผมพูดเสมอว่าเราไปดูนักร้อง โคโยตี้เต้น ท่านคล้องพวงมาลัย 200 บาท ก็อยากให้เต้นสัก 20,000 บาท ตำรวจก็เป็นแบบนี้ ผมอยู่กับหน่วยปฏิบัติมาทั้งชีวิต ผ่านช่วงเวลาเจ็บช้ำน้ำใจและเอาชีวิตแทบไม่รอด จึงเข้าใจทุกอย่าง ผมเป็นผบ.ตร. มีหน้าที่แก้ปัญหา ไม่ใช่รอปัญหามาทับถม ก็พยายามทำให้ดีที่สุด” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าว
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ได้ไปตรวจโรงพักแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กทม.มีตำรวจเต็มอัตรา 200 คน แต่มีตำรวจจริง ๆ 100 คน ประชากร 400,000 คนและมีประชากรแฝงอีก 400,000 คน ตำรวจ 1 คนต่อประชากร 8,000 คน ถ้าตัดตำรวจสายงานธุรการและพนักงานสอบสวน คิดดูเอาว่าตำรวจต้องดูแลคนเท่าไหร ตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่เจอกับสถานการณ์โควิด-19 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ผลิตข้าราชการตำรวจชั้นประทวน พนักงานสอบสวนเลย ทำให้ขาดกำลังพลทดแทน
“ผมมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย อย่างเรื่องถ้าคนมียาบ้าเม็ดเดียวยังถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าไม่สมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดก็จะถูกดำเนินคดี หรือถ้าเข้ารับการบำบัดแต่ไม่ผ่านการประเมินจากแพทย์ก็จะถูกดำเนินคดีเช่นกัน ผมไม่ห่วงเรื่องตัวชี้วัดการทำงานของตำรวจ เพราะตำรวจทุกคนจงรักภักดีทั้งหมด เราทำงานถวายชีวิตอยู่แล้ว เรื่องขบวนเสด็จตำรวจมีหน้าที่อำนวยการจราจรในเส้นทางเสด็จ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบก่อน เรานำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียน ตำรวจไม่มีความคิดจะไปหว่านคดี มาตรา 112 เราทำด้วยพยานหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นกับตัวผู้ถูกกล่าวหาและผู้ต้องสงสัย หลักฐานถึงไหนก็ตรงนั้น อย่าไปทำให้เป็นเงื่อนไข ผมวางเป็นนโยบายกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ ทุกอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ทั้งหมด” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าว
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ทุกโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความโปร่งใส ถ้ามีข้อสงสัยนิดเดียว ตนไม่เซ็นเลย ไม่อยากมีอะไรตามหลังไป สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องทำงานให้ดี ไม่ต้องรอให้ใครมาปฏิรูปเพราะกฎหมายใหม่กำหนดให้ตำรวจต้องทำงานอยู่ในกรอบ ผู้บังคับบัญชาตำรวจทุกคนต้องการให้ตำรวจมีจิตวิญญาณความเป็นตำรวจ เพื่อทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ประชาชน แต่ตำรวจจะไปถึงจุดนั้นได้ ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย
“ทุกวันนี้ที่พักอาศัยยังไม่มี หนี้สินมากมายประมาณ 3 แสนล้านบาท กำลังจะโดนฟ้องล้มละลายหลายคน เรื่องที่พักสวัสดิการ ผมเองก็พยายามของบประมาณเพื่อสร้างแฟลตในส่วนกลางและให้มีความทันสมัย เมื่อตำรวจมีสวัสดิการที่ดีแล้ว ตำรวจจะได้มีใจออกไปดูแลประชาชน เราของงบประมาณเข้ามา ผลสัมฤทธิ์ก็จะตกกับประชาชน นี่คือสิ่งที่ผมอยากเปิดใจ ผมมีเวลาทำงานน้อยก็จริง แต่บางอย่างผมจะฝังเมล็ดพันธุ์ไว้ให้เติบโตต่อไป ” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย