กทม. 20 ก.พ.- “ราเมศ” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แจงมติ สส.มอบ “พิทักษ์เดช” นำทีม ยื่นแก้กฎหมาย คุมอำนาจราชทัณฑ์
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงผลการประชุม สส. ถึงประเด็นสำคัญและมีความน่าสนใจว่า ตนในฐานะกรรมการบริหารพรรคได้เสนอให้ที่ประชุม สส. ให้พิจารณาร่างแก้ไขพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งได้เคยเสนอโดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ กับคณะ ต่อสภาชุดที่ผ่านมา แต่ญัตติได้ตกไปเนื่องจากหมดวาระของสภาชุดดังกล่าว
และเมื่อที่ประชุม สส. ได้พิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว จึงมีมติเห็นชอบให้มีการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวโดยให้นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส. จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้ยื่นเสนอ ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวันพรุ่งนี้ (21 ก.พ.) เวลา 11.00 น. โดยเห็นว่าร่างเดิมที่เคยยื่นไว้ตั้งแต่สมัยสภาที่ผ่านมานั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สภาชุดที่ผ่านมาไม่ได้หยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นพิจารณา มิเช่นนั้นกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร ก็จะไม่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างมาก
นายราเมศ กล่าวยืนยันว่า การยื่นร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เข้าสู่สภาอีกครั้งนั้น ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง แต่ที่ประชุมเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมปลายทาง โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ จำเป็นต้องมีการถ่วงดุลจากคณะกรรมการอิสระเพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนหลักความถูกต้อง บิดเบือนหลักยุติธรรม ดังนั้นในสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อให้มีการถ่วงดุลกันโดยกำหนดให้มีคณะกรรมการอิสระเพื่อพิจารณาประโยชน์ของผู้ต้องขัง รวมทั้งมีการปรับปรุงในส่วนหลักการและเหตุผล เพื่อให้มีความสอดคล้องกับหลักการทางอาญามาตรฐานสากล รวมไปถึงเรื่องรูปแบบและโครงสร้างของกรมราชทัณฑ์ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาลดวันต้องโทษจำคุก รวมไปถึงการพักโทษของผู้ต้องขัง ที่ต้องมีความรัดกุมและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ที่ประชุม สส. พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ให้ความสำคัญต่อกรณีที่ต้องมีการกำหนดให้มีคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการลดวันต้องโทษจำคุก และเรื่องการพักโทษของผู้ต้องขัง ที่ต้องมีความโปร่งใส และคณะกรรมการต้องประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงเป็นผู้พิจารณา สำหรับประการสำคัญของหลักการและเหตุผลของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังกำหนดให้ศาลที่ถึงคดีที่สุดเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัยและมีคำสั่งในเรื่องของการลดวันต้องโทษจำคุกและเรื่องการพักการลงโทษของผู้ต้องขังด้วย
สำหรับในส่วนสาระสำคัญของ พ.ร.บ. ที่ได้ยื่นแก้ไขเพิ่มเติมนี้ ได้มีการกำหนดประเภทของคดีที่สำคัญด้วย โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับการทุจริต คดีอาญาที่สำคัญ คดียาเสพติดที่ร้ายแรง และคดีอื่นๆ ที่เป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรง ซึ่งจะต้องมาทบทวนในเรื่องของกระบวนการในการลดโทษจำคุก เพราะหากเป็นคดีที่มีความสำคัญที่มีภัยร้ายแรงต่อสังคม อย่างเช่น คดีทุจริตหากจะมีการลดโทษเช่นเดียวกับนักโทษทั่วไป การลดโทษดังกล่าวย่อมไม่มีความเหมาะสมต่อกระบวนการและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ตลอดจนเป็นความร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นต่อสังคม ดังนั้นจึงควรกำหนดให้มีมาตรการและเพิ่มระยะความปลอดภัยให้แก่สังคมด้วยความเหมาะสม
“ในเรื่องความร้ายแรงและคดีต่างๆ เมื่อศาลยุติธรรมได้มีการพิจารณาโทษแล้ว นั่นก็หมายถึงว่า เป็นความต้องการที่จะให้บุคคลนั้นออกไปจากสังคมไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัย แต่ถ้ามีกระบวนการหมกเม็ดในคดีอาญาที่สำคัญ โดยเฉพาะคดีทุจริต ก็แสดงว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการทุจริต ซึ่งถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม จึงเป็นเหตุผลที่พรุ่งนี้จะมีการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ต่อสภา” นายราเมศ กล่าว. 312 .-สำนักข่าวไทย