กทม. 17 ก.พ.-เลขาฯ ป.ป.ช.รับพิจารณาคำร้องเจ้าหน้าที่รัฐอนุญาต “ทักษิณ” รักษาตัวนอกเรือนจำเป็นการเอื้อประโยชน์หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างข้อเท็จจริง หากมีมูลก็จะตั้งไต่สวน ชี้หากกฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ ต้องมาดูการใช้ดุลยพินิจ
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงการร้องเรียนให้ตรวจสอบอธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจและฝ่ายการเมืองผู้เกี่ยวข้องในกรณีพิจารณาอนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขังเด็ดขาดไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกเรือนจำ ว่ามีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์และกระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ ว่า ป ป.ช. รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ทั้งกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ เพราะตามขั้นตอน ต้องได้ข้อมูล ข้อเท็จจริงก่อน ระเบียบมีกฎหมายวิธีปฏิบัติอย่างไรในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร จะต้องตรวจว่าคนที่เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ มีตำแหน่งที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่
ส่วนจะเป็นความผิดหรือไม่ต้องดูที่ข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลความผิดจริง จะมีการตั้งไต่สวน แล้วเชิญพูดถูกกล่าวหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แต่หากพบว่ากฎหมายเปิดช่องให้สามารถดำเนินการได้ เป็นการใช้ดุลยพินิจถูกต้องก็ไม่มีปัญหา ป.ป.ช.ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ หากฝ่าฝืนกฎหมาย ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงยังเร็วไปที่จะชี้ว่าใครถูกหรือผิด
ส่วนการตรวจสอบพฤติกรรมว่ามีการเอื้อประโยชน์จริงหรือไม่แม้จะมีกฎหมายรองรับนายนิวัติไชย กล่าวว่ามีกฎหมายระเบียบรองรับและไม่ได้ทำผิดกฎหมายและกฎหมายเปิดช่องให้สามารถทำได้ ต้องมีการแยกกันกับเรื่องความเหมาะสม ป.ป.ช.ไม่สามารถตรวจสอบเรื่องความเหมาะสมหรือเจตนาได้ หากมีการทำตามกฎหมาย แต่ถ้าดำเนินการผิดกฎหมายจึงจะมีเจตนาในทางอาญา หากมีการดำเนินการตามกฎหมายว่าควรจะส่งบุคคลไหนไปรักษาตัวและกฎหมายเปิดช่องว่าให้เป็นดุลยพินิจเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็อาจจะใช้ดุลยพินิจ ซึ่งอาจจะมีการใช้ดุลยพินิจกับคนอื่นอีกก็ได้ ป.ป.ช. ไม่ทราบว่าการใช้ดุลยพินิจกับใครบ้าง
ส่วน ป.ป.ช.จะตรวจสอบไปถึงการใช้ดุลยพินิจว่ามีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่และการใช้ดุลยพินิจตามอำนาจที่มีอยู่ในกฎหมายไปในทางไม่ถูกต้องหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่าจะต้องมีการตรวจสอบควบคู่กันไป แต่อย่างแรกต้องดูข้อกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ และมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้วางเส้นแล้วไม่ให้มีการฝ่าฝืน ส่วนหลังจากเมื่อมีกฎหมายแล้วทำเลยกฎหมาย ระเบียบและมติที่อนุญาตให้ทำได้ ก็ต้องมาดูแนวปฏิบัติ ว่ามีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจ อย่างไรก็ตามหากกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ ก็ยอมรับว่าเรื่องของการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจเป็นเรื่องลำบาก เหมือนกรณีศาลตัดสินคดีก็มีฝ่ายที่แพ้ฝ่ายชนะ ก็เป็นการใช้ดุลพินิจที่ทำได้โดยกฎหมาย ระเบียบวิธีปฏิบัติ แล้วจะชี้อย่างไร ซึ่งยังไม่รู้ข้อเท็จจริงเพียง จึงพูดโดยหลักการเท่านั้น
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากรมราชทัณฑ์มีการออกระเบียบมารองรับไว้ก่อนแล้ว และหลังจากนั้นก็ได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์นั้น เลขาฯ ป.ป.ช.กล่าวว่าต้องดูว่าสิ่งที่ทำ ทำคนเดียวหรืออย่างไร เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่สามารถไปวิจารณ์ก่อนหน้าว่าทำเพื่อเอื้อประโยชน์ ย้ำว่าขอดูข้อเท็จจริงก่อน เพราะเป็นเพียงปัญหาตุ๊กตายังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่.-314.-สำนักข่าวไทย