รัฐสภา 14 ก.พ.-ภท. จี้ รบ.เร่งบังคับใช้ กม.ทบทวนแผนอารักขาให้ทันสมัย ”วิโรจน์” แนะให้ปชช.ไม่ได้รับผลกระทบเกินควร-ดำเนินคดีผู้อ้างสถาบันทำร้ายคนอื่น
นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในญัตติด่วนที่ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ เสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาทบทวนมาตรการการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่สบายใจให้กับคนไทย และพรรรคภูมิใจไทย เพราะพ่อแม่สอนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้ผิดรู้ถูก รู้จักมารยาท และรู้จักพระบรมวงศานุวงศ์ และมั่นใจว่า พ่อแม่ทั่วประเทศสอนลูกหลานเช่นกัน และครูอาจารย์ ก็ยังสอนให้รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ แต่การกระทำของเด็กคนดังกล่าว ทำให้เป็นชัยชนะของกลุ่มคนล้มเจ้า และทำให้สังคมสนใจ จนทำให้เกิดความแตกแยกความคิด
“สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ จึงผิดกฎหมาย และผิดประเพณี จึงฝากผู้ปกครอง ได้แนะนำบุตรหลานของตนเอง และขอให้รัฐบาล เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย และทบทวนแผนอารักขาให้ทันสมัย สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ เพื่อถวายความปลอดภัย ให้สมพระเกียรติ” นายณัฏฐ์ชนน กล่าว
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการดูแลความปลอดภัย เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่ไม่สามารถทำให้เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ได้ และการรบกวนมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และตำรวจต้องตระหนัก ทำให้กระบวนการอารักขาปลอดภัยที่สุด และต้องไม่ให้ประชาชน ได้รับผลกระทบสูงสุดเช่นกัน เพราะไม่สามารถบังคับไม่ให้ประชาชนไม่รู้สึกอะไรเลยไม่ได้ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะต้องทบทวนพระราชบัญญัติถวายความปลอดภัย โดยให้คำนึงถึงประชาชน ไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบเกินควร และมีแผนอำนวยความสะดวกประชาชนในกรณีที่มีความจำเป็น เพื่อให้แผนทันสมัยด้วย
นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงการใช้ความรุนแรง ของกลุ่มคนที่แสดงความจงรักภักดีว่า การอ้างสถาบันไปทำร้ายผู้อื่น ในระยะยาวมีแต่จะทำให้สถาบันเสื่อมเสียเกียรติยศ
“รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายกับคนเหล่านี้อย่างจริงจัง และเสมอภาค ไม่ให้มีพฤติกรรมนำเอาสถาบัน มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายคุกคามผู้อื่น และรัฐบาลจะต้องเร่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกเหนือจากสภา เพื่อให้การพูดคุยยถือเป็นเรื่องปกติ และไม่มีการกลั่นแกล้งกันทางกฎหมาย เพราะปัจจุบันการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ยังดูกลายเป็นเรื่องต้องห้าม” นายวิโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ ระหว่างที่นายวิโรจน์ กำลังอภิปรายถึงการใช้ความรุนแรงของกลุ่มคนที่มีความจงรักภักดีนั้น นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า การอภิปรายของนายวิโรจน์ หลุดออกจากประเด็น แต่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ชี้ขาดว่า เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกัน และให้นายวิโรจน์ อภิปรายต่อไปได้ จนทำให้นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลุกขึ้นประท้วงการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ว่า ไม่เป็นกลาง ก่อนที่จะมีการปะทะคารมกัน และนายปดิพันธ์ ยังคงย้ำ และชี้ขาดว่า การอภิปรายของนายวิโรจน์ สอดคล้องกับญัตติที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารของประชาชน และทำให้ผลลัพธ์จากข้อขัดแย้งลดลงได้.-312.-สำนักข่าวไทย