แนะปรับมาตรการอารักขาขบวนเสด็จ พร้อมฝึกซ้อมแผนรับมือ

รัฐสภา 14 ก.พ.-“เอกนัฏ” เสนอญัตติทบทวนมาตรการอารักขาขบวนเสด็จ แนะปรับให้ทันสมัยและมีแผนรับมือสถานการณ์ ป้องกันเหตุขัดแย้งบานปลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว “จุรินทร์” ขอให้ปรับปรุง พ.ร.บ.ถวายความปลอดภัย ปี 60 พร้อมให้ กมธ.นิรโทษฯ รับเรื่องไปประกอบพิจารณา


นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ ว่าที่ตัดสินใจเสนอญัตติด่วนในวันนี้ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีการเผยแพร่การรบกวนก่อกวนขบวนเสด็จ สร้างความสะเทือนใจให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย เพราะจากที่เห็นคลิป รู้สึกตกใจ เนื่องจากขบวนเสด็จที่ใช้เป็นทางสัญจรเป็นขบวนที่สั้นมาก เห็นได้ชัดว่าการถวายความปลอดภัยในวันนั้น ดำเนินการด้วยความระมัดระวังไม่ให้กระทบกับการจราจรของพี่น้องประชาชน และไม่ปรากฏว่ามีลักษณะการปิดถนน หรือปิดกั้นการสัญจรของประชาชน มีการกัน เป็นจังหวะ เป็นช่วง ให้การจราจรไหลไปตามปกติ แต่ปรากฏว่ามีรถของผู้ก่อเหตุวิ่งมาด้วยความเร็ว เจตนาชัดเจน โดยขบวนเสด็จผ่านไปแล้วยังพยายามวิ่งไล่ขบวนเสด็จ จนรถที่ปิดท้ายต้องมากันรถผู้ก่อเหตุออกไป และหลังจากนั้นปรากฏขึ้นอีกคลิปหนึ่ง ทำให้เห็นเจตนาของผู้ก่อเหตุในวันนั้นว่าคืออะไร

นายเอกนัฏ กล่าวว่า หลังจากเห็นคลิปแล้ว เชื่อว่าความรู้สึกของตนเหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายคน และรู้สึกเช่นเดียวกับประชาชนหลายคน ซึ่งตนรู้สึกโกรธมากว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ แต่มีประโยคหนึ่งที่ทำให้ตนรู้สึกลดโทสะลง คือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ท่านตรัสไว้ว่า Thailand is the land of compromise หรือ ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งการประนีประนอม ทำให้ดึงสติ ลดความโกรธลงมา


“ความจริงแล้วพฤติกรรมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับขบวนเสด็จ แค่มารยาททางสังคม เวลาเดินจะเข้าลิฟต์ยังต้องหลีกทางให้กันและกัน แม้กระทั่งบนถนน ก็มีมารยาทในการสัญจรการจราจร และสิ่งที่ตนคาดหวังหลังเกิดเหตุ คือ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ รอมาเกือบสัปดาห์ ปรากฏว่าท่าทียังไม่ชัดเจน จนกระทั่งวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้ก่อเหตุยังเหิมเกริมไปทำโพลที่ BTS สยาม จนเกิดการกระทบกระทั่ง เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างประชาชนที่ไม่พอใจกับผู้ก่อเหตุ” นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า ที่เสนอญัตติไม่มีความตั้งใจที่จะมาพูดเพื่อซ้ำเติมความร้าวฉาน ความแตกแยกที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในความรู้สึกของทั้งสองฝั่ง แต่เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก และถ้าเราปล่อยปละละเลยในที่สุด สถานการณ์ตามที่เราได้เห็น วันที่ 10 กุมภาพันธ์ เริ่มมีการประท้วง มีการปะทะกันในหมู่ประชาชน ถ้าเราไม่รีบบริหารจัดการจะบานปลายไปสู่ความแตกแยก ความรุนแรงที่อาจบานปลายถึงความขัดแย้งระดับประเทศ

“ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยบังคับกฎหมายในทันที เพื่อความสงบเรียบร้อย เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือกฎหมาย การใช้สิทธิเสรีภาพมีกรอบชัดเจนว่าต้องไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น และต้องไม่กระทำความผิดกฎหมาย ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” นายเอกนัฏ กล่าว


นายเอกนัฏ ยังเสนอให้ทบทวนระเบียบมาตรการต่างๆ รวมถึงแผนการถวายการอารักขาความปลอดภัยแก่ขบวนเสด็จ แม้ปัจจุบันกฎหมายที่ใช้ ถือว่ามีความทันสมัย ตามพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย แต่ในความเห็นของตน เนื่องจากภารกิจนี้มีความสำคัญ และเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จนทำให้ตนกังวลว่า หากเราไม่ทบทวนมาตรการให้เข้มงวดจะเป็นการปล่อยปละละเลย จนกระทั่งมีการกระทำในลักษณะแบบนี้เป็นแฟชั่น เป็นค่านิยมใหม่ที่เกิดขึ้น และไม่อยากจินตนาการหากปล่อยให้บานปลายมากไปกว่านี้

ทั้งนี้ เห็นควรต้องมีการปรับปรุงระเบียบ และแผนในการปฏิบัติที่ยังใช้ของเดิมตั้งแต่ปี 2548 ในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งและบริบททางสังคมเปลี่ยนไปเยอะ ใน 10 ปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งนิยามของภัยคุกคาม หรือความพยายามที่จะก่อกวนขบวนเสด็จ หรือก่อเหตุให้เกิดอันตรายก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะไม่สามารถจินตนาการว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น หากกฎหมายอัปเดตแล้ว ระเบียบแผนมาตรการจะต้องอัปเดตตามกฎหมายด้วย จะต้องมีความกระชับ มีความชัดเจน มีเจ้าภาพ มีขอบเขตพื้นที่ที่ชัดเจน ไม่อยากให้เกิดข้อถกเถียงในการปฏิบัติหน้าที่ว่า เหตุเกิดขึ้นแล้วเป็นของใคร เรื่องของการถวายความปลอดภัยการถวายพระเกียรติถือเป็นภารกิจสำคัญมากๆ  ต้องมีความชัดเจนและสิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกซ้อม

“เห็นไหมครับ ก่อเหตุปุ๊บ ถ่ายคลิปทันที แบบนี้เจ้าหน้าที่จะต้องมีการฝึกซ้อม แผนรองรับ อะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ อะไรที่ประชาชนผู้ก่อเหตุไม่สามารถทำได้  เมื่อเกิดเหตุสิ่งแรกที่จะต้องสื่อสารกับผู้ก่อเหตุคืออะไร เพราะประโยคนั้นเป็นประโยคที่สำคัญที่สุด ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว แต่ผมไปดูคลิป ผมขอไม่วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มากไปกว่านี้ เพราะเข้าใจว่าในส่วนของแผนมาตรการต่างๆ อาจจะลงไม่ชัดเจน ไม่มีการฝึกซ้อม ไม่มีคู่มือการปฏิบัติหน้าที่ แต่ผมหวังว่าหลังจากเหตุการณ์นี้จะไม่มีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอีก”นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการสื่อสารกับประชาชน เพราะต้องยอมรับว่าในภารกิจการถวายความปลอดภัย ไม่มีที่ไหนในโลกที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเลย แต่เชื่อว่า พี่น้องประชาชนเข้าใจ และถือว่าเป็นความปลอดภัยต่อสาธารณะด้วย

“ขอส่งสัญญาณผ่านรัฐบาลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ปรับปรุงสื่อสารถึงหน่วยงานต่างๆ เพราะกังวลว่า ถ้าปล่อยผ่านละเลย และเราไม่เข้มงวดเหตุการณ์แบบนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่นำไปสู่ความวุ่นวายเกิดการปะทะกันในหมู่ประชาชน เกิดความแตกแยก และขอย้ำว่าพวกเราอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ไม่อยากให้มีพฤติกรรมหรือค่านิยมแฟชั่นที่ออกมาบั่นทอนสถาบัน ที่เป็นสถาบันหลักของประเทศ จึงเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจขอเสนอเป็นญัตติด่วน เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณา ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บังคับใช้กฎหมายทบทวนระเบียบ แผน และมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัยมีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์กับประชาชน ถือเป็นความปลอดภัยให้สมพระเกียรติเพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ” นายเอกนัฏ กล่าว

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเสนอญัติดังกล่าวด้วยเหตุผลที่ว่า ตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนชัดเจน การให้ความสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่จะต้องการธำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประมุขของประเทศ เช่น มาตรา 112 อย่างที่อารยะประเทศทำกัน และมีจุดยืนในการถวายความปลอดภัยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ซึ่งการถวายความปลอดภัยนับตั้งแต่องค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป รวมถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และ พระราชอาคันตุกะ ซึ่งการถวายความปลอดภัยให้กับบุคคลเหล่านี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์คุกคามขบวนสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันเป็นที่เคารพรักยิ่งของคนไทยทั้งประเทศเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ จึงเป็นเหตุที่ตนเองและสมาชิกจำเป็นต้องเสนอญัตตินี้เข้ามา และไม่อาจจะเพิกเฉยต่อการกระทำดังกล่าวได้ โดยประสงค์ให้สภาฯ มีมติให้ส่งความเห็นไปยังรัฐบาลรับไปพิจารณาดำเนินการ และให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมของสภาผู้แทนราษฎรรับไปประกอบการพิจารณาด้วย

ทั้งนี้ ตนมีความเห็นต่อพฤติกรรมคุกคามกระบวนเสด็จอย่างน้อย 3 ข้อ คือ 1. ตนถือว่าเป็นการกระทำอันไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง เกินกว่าที่คนไทยผู้จงรักภักดีจะยอมรับได้และเป็นการย่ำยีพระผู้เป็นดวงใจของประชาชน  2.การที่ขบวนเสด็จไม่ปิดถนน ยิ่งสะท้อนพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรอย่างชัดแจ้งเป็นประจักษ์เหนือคำบรรยายใดๆ แม้จะต้องทรงงานหนัก และต้องเสด็จให้ทันเวลาก็ตาม

3.ตนเห็นว่าสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยคือหัวใจสำคัญของประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่การใช้สิทธิเสรีภาพ ต้องไม่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครฐานันดรใด แล้วต้องใช้สิทธิเสรีภาพที่มีอยู่ภายใต้ขอบเขตของตัวบทกฎหมาย เฉกเช่นอารยะประเทศทุกประเทศในโลกนี้ที่เขาทำกัน

นอกจากนี้ ผู้มีหน้าที่ถวายความปลอดภัยนอกจากส่วนราชการในพระองค์แล้วกลไกสำคัญ คือรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ.2560 มาตรา 6 ระบุว่าให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งซึ่งประกอบด้วยกระทรวง ทบวง กรม เป็นต้น มีหน้าที่ในการถวายความปลอดภัย หรือร่วมมือในการถวายความปลอดภัย

“ผมไม่ประสงค์จะทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการเมือง แต่นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและในฐานะผู้สั่งปฏิบัติราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องยอมรับว่าท่านออกมาส่งสัญญาณแสดงท่าทีความรับผิดชอบค่อนข้างช้า เหตุเกิดวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 และวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เกิดเหตุปะทะกันที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม จนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 หลังจากเกิดเหตุ 7-8 วันนายกรัฐมนตรีจึงเรียกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาหารือถึงมาตรการเรื่องการรักษาความปลอดภัยของขบวนเสด็จ” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอเสนอข้อเสนอ 4 ข้อ เพื่อให้สภาพิจารณา 1. รัฐบาลต้องตระหนักในหน้าที่การถวายความปลอดภัยตามกฎหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้เป็นไปด้วยความปลอดภัยสมพระเกียรติด้วยความสำนึก กระตือรือร้น จงรักภักดี แล้วควรเร่งรัดดำเนินการทบทวนมาตรการเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก

2.ให้รัฐบาลยึดหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดไม่ว่ากับฝ่ายใด เพื่อทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และไม่เป็นการส่งเสริมการกระทำผิดกฎหมายอีกต่อไปในอนาคต

3.ในฐานะที่รัฐบาลมีเสียงข้างมาก ทั้งในสภาและทั้งในกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่องการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม รัฐบาลต้องไม่สนับสนุนให้มีการนิรโทษกรรมความผิดในคดีมาตรา 112 เพราะนอกจากจะเป็นชนวนขัดแย้งรอบใหม่ที่เกิดขึ้นในอนาคต ยังเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 112 เพิ่มเติมขึ้นมาอีก รวมทั้งเมื่อเกิดเหตุป่วนขบวนเสด็จยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าไม่ส่งเสริมให้นิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112

4.รัฐบาลควรตั้งหลักพิจารณาร่วมกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและพิจารณาทุกอย่างอย่างรอบคอบรอบด้านว่า สมควรจะมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ 2560 หรือไม่ โดยเพิ่มเติมให้มีการกำหนดบทลงโทษเป็นการเฉพาะต่อผู้ที่ละเมิดพระราชบัญญัติฉบับนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือเมื่อเกิดเหตุผู้บังคับใช้กฎหมายต้องนำบทบัญญัติกฎหมายอื่นมาเทียบเคียงบังคับใช้ เช่นมาตรา 112 มาตรา 116 เป็นต้น เรื่องนี้จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาว่าเหมาะสมสมควรหรือไม่และจะดำเนินการในรูปแบบไหนอย่างไรต่อไป รวมทั้งการพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องทบทวนกฎระเบียบมาตรการต่างๆ เพิ่มเติมอีกด้วยหรือไม่

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทั้ง 4 ข้อนี้ และเพื่อให้ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่มีความเข้มแข็งและยั่งยืนสืบไป และในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คนหนึ่งและในฐานะพสกนิกรชาวไทยผู้จงรักภักดีเช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ ตนเองขอถวายกำลังใจแก่องค์สมเด็จพระเทพฯ ด้วยความจงรักภักดียิ่ง.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้โดยสารรถทัวร์สยอง นั่งร่วมกับศพจากโคราชถึงลำปาง

ลำปาง 17 มิ.ย. – ไม่รู้นั่งมากับศพทั้งคืน ผู้โดยสารรถทัวร์สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ ถึงขนส่งลำปาง ผวาทั้งคัน หลังรถเข้าจอดชานชาลาพบหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้นพบขามีรอยช้ำ เลือดไหล แพทย์คาดเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ช่วง 05.30 น. วานนี้ (16 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างลำปาง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตบนรถทัวร์โดยสาร สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ จอดอยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง ผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 38 ปี ชาว ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง นั่งมากับรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ชั้น 2 ฝั่งซ้ายโซนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งเดียว ขึ้นรถต้นทางจาก จ.นครราชสีมา ปลายทาง จ.ลำปาง โดยรถเข้าจอดที่ชานชาลา เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ได้เชิญผู้โดยสารทั้งหมดลงมาจากรถ จากนั้นแพทย์เวรโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัย ร่วมชันสูตรศพ ทำเอาผู้โดยสารที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งด้านหน้าและหลัง ถึงกับสยอง […]

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย

ครูสาวเขียนจดหมายระบายความอัดอั้น ก่อนคิดสั้น-ศธ.สั่งสอบข้อเท็จจริง

บุรีรัมย์ 17 มิ.ย. – ครูสาวโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ เขียนจดหมายระบายความอัดอั้น “งานครูหนักและเครียดมากจนทนไม่ไหว” ก่อนตัดสินใจคิดสั้น ด้าน ศธ. สั่งสอบข้อเท็จจริง ยอมรับครูรับภาระหนัก ตำรวจพร้อมกู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในบ้านหลังหนึ่ง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พบร่างของครูมัท วัย 39 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ โดยครูตัดสินใจลาโลกด้วยตัวเอง ข้างร่างของครูมีจดหมายลาที่เขียนถึง 5 หน้ากระดาษ หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า “จดหมายส่วนตัวถึงครอบครัวของฉัน” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยหน้าที่ 1-4 ผู้ตายเขียนถึงพี่สาวซึ่งเป็นข้าราชการครู ลูกสาววัย 10 ขวบ และพ่อแม่ ส่วนหน้าที่ 5 เขียนถึงการทำงาน ถึงสาเหตุที่ลาโลกใบนี้ เพราะไม่สบายกายและไม่สบายใจ มีปัญหาเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งพอกพูนจนแก้ไขได้ยาก ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะครูมัทเพียงคนเดียว เกิดจากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน ทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อนเคลียร์เอกสารทีหลัง สุดท้ายนิ่งเฉย ไม่มีใครมาเคลียร์ให้ อันไหนเคลียร์เองได้ก็ดีไป แต่อันไหนเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องมานั่งเครียดเองจนหัวจะระเบิด เป็นไมเกรนแทบทุกวัน […]

สาวโพสต์ถูกไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดัง

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – สาวโพสต์ถูกไฟตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดังดูดมือ ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวัน ทำงานไม่ได้ กินข้าวไม่ได้ ชีวิตพัง ห้างโยนภาระให้เดินเอกสารเบิกกับโรงพยาบาลเอง สาวโพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา กำลังขับรถเข้าลานจอดรถห้างฯ แห่งหนึ่ง แล้วลดกระจกเอามือโบกระบบเซ็นเซอร์เพื่อรับบัตรจอด ปรากฏว่าถูกไฟดูดทั้งที่มือไม่ได้แตะโดนเครื่อง เพราะระบบเซ็นเซอร์ไม่ต้องสัมผัสโดน แค่โบกหน้าเครื่อง ตนเองรู้สึกไฟดูด แขนชา จี๊ดขึ้นหัว และชาลงไปถึงขา บัตรก็ไหลออกมาจากเครื่อง แต่ไม้กั้นรถไม่เปิด คาดว่าไฟฟ้าในเครื่องน่าจะขัดข้อง และไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณนั้นเลย จะกดปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือที่ตัวเครื่องก็ไม่กล้า เพราะกลัวถูกไฟดูดรอบ 2 จึงพยายามบีบแตรเรียกหลายครั้งกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาหา พอเจ้าหน้าที่มาตนก็บอกว่าถูกไฟดูด แต่เจ้าหน้าที่มาเปิดไม้กั้นให้และไม่พูดอะไรต่อ เลยรีบเอารถเข้าไปในลานจอด จากนั้นรีบเดินไปที่จุดบริการลูกค้า เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นชาไปครึ่งตัว เจ้าหน้าที่พาไปห้องพยาบาล เอาเจลเย็นมาประคบอยู่นานก็ไม่รู้สึกดีขึ้น แขนเริ่มไม่มีแรงยก เจ้าหน้าที่เห็นอาการหนักเลยพาไปโรงพยาบาลที่มีสัญญากับห้าง หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับตรวจเลือดแล้วค่าปกติดี หมอสั่งยาและให้กลับบ้าน ทั้งที่ยังไม่หายชา ถึงขนาดแขนไม่มีแรงแม้แต่จะเซ็นเอกสาร หมอบอกว่าคุณไม่เคยข้อศอกกระแทกโต๊ะเหรอ ชาๆ เหมือนกัน เดี๋ยวก็หายเอง ตนเองจึงตั้งคำถามว่าจะหายเองจริงเหรอ เพราะยังทำอะไรไม่ได้เลย ตอนกลางคืนลองยกแขนนิ้วยังสั่นอยู่เลย กินยาคลายกล้ามเนื้อก็ไม่มีอะไรดีขึ้น […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชาห้ามผัก-ผลไม้ไทยผ่านช่องจอมวันแรก

สุรินทร์ 18 มิ.ย. – จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ วันนี้ กัมพูชาตรวจเข้มไม่ให้ผัก-ผลไม้ไทยเล็ดลอดแม้แต่ชิ้นเดียว ทำให้พ่อค้าแม่ค้าเดือดร้อนอย่างหนัก วอนทางการไทยตอบโต้สินค้าจากกัมพูชาที่เข้ามาโกยเงินคนไทยบ้าง เวลา 08.00 น. ได้เวลาเปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ในฝั่งไทย ในห้วงสถานการณ์ชายแดนตึงเครียดที่ลดเหลือ 3 วันต่อสัปดาห์ คือ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ชาวกัมพูชาต่างเข้าแถวรอข้ามแดน พร้อมกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไปรอรับส่งชาวกัมพูชาเที่ยวละ 20 บาท ที่เห็นต่อแถวยาวเหยียด เข้าคิวรอตั้งแต่เมื่อวานคือ รถบรรทุกที่จะเข้าไปซื้อมันสำปะหลังในฝั่งกัมพูชา คนกัมพูชาที่กลับประเทศวันนี้มีทั้งกลุ่มคนที่เข้าๆ ออกๆ ไปทำธุระส่วนตัวเล็กน้อย และกลุ่มที่กลับไปตั้งหลักรอดูสถานการณ์ จึงเห็นสัมภาระจำพวกเครื่องใช้ส่วนตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่เน้นตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมายและจำพวกอุปกรณ์ก่อสร้างที่ห้ามนำออกราชอาณาจักรไทย แม้แต่ไฟโซลาร์เซลล์ก็ถูกยึดไว้ เมื่อผ่านจุดตรวจเพื่อความมั่นคงชายแดนของกองกำลังสุรนารีได้แล้ว อีกจุดคือด่านตรวจคนเข้าเมือง ได้เวลา 09.00 น. ประตูฝั่งกัมพูชาจึงจะเปิด ซึ่งพบว่ามีการตรวจเข้มตามนโยบายกดดันทางการไทย โดยประกาศชัดว่าจะไม่ให้นำผักผลไม้เข้าไปแม้แต่ชิ้นเดียว กรรมกรชาวกัมพูชาคนนี้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ แวะซื้อเงาะและลองกองที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ไม่ทราบว่าทางการกัมพูชาจะเข้มงวดถึงขั้นห้ามนำไปกินในครอบครัว วันนี้ (18 […]

คุมเข้มด่านชายแดน ยอดคนไทยข้ามไปปอยเปตลดฮวบ

สระแก้ว 18 มิ.ย. – วันที่ 2 ของมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดบริเวณด่านชายแดน หลังกองกำลังบูรพาห้ามคนไทยที่เป็นพนักงานบ่อนกาสิโนข้ามไปทำงานฝั่งปอยเปต ทำให้ยอดคนไทยลดฮวบ ปกติแล้วพื้นที่นี้จะเต็มไปด้วยคนไทยที่มานั่งต่อแถวเพื่อข้ามไปฝั่งปอยเปรต กัมพูชา ซึ่งจะมีทั้งคนที่ข้ามไปทำงานในบ่อนกาสิโนในสถานบันเทิง และคนไทยที่ต้องการไปเล่นการพนัน ยาวล้นไปจนเลยแนวหลังคา พูดง่ายๆ ว่าคนนั่งต่อแถวกันยาวมากกว่า 2 กิโลเมตร แต่หลังจากกองกำลังบูรพามีคำสั่งและให้มีผลตั้งแต่ 08.00 น. เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) ในการรักษาความปลอดภัย สูงสุดของคนไทยที่จะข้ามแดนไปยังกัมพูชา คือเพิ่มความเข้มงวดอย่างยิ่งยวด คนไทยที่เป็นพนักงานทุกประเภทของกาสิโนและสถานบันเทิงทุกชนิดในปอยเปต ออกนอกราชอาณาจักร ทุกจุดผ่านแดนใน จ.สระแก้ว ทำให้ยอดคนไทยที่จะข้ามไปยังฝั่งปอยเปตรถฮวบลงทันที จากเดิมมียอดออกไปวันละ 4,000-5,000 คน เมื่อวานเป็นความบังเอิญที่มีตัวเลขออกไปโดยบอร์ดและพาสปอร์ตเท่ากันคืออย่างละ 196 คน หรือรวม 392 คนเท่านั้น คนที่จะข้ามไปในวันนี้ถ้าสังเกตให้ดีจะมีบางส่วนเป็นคนลาวที่มีรายงานว่าส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่เดินทางมาจาก จ.จันทบุรี เนื่องจากที่ด่านจันทบุรีปิดก็ จึงเดินทางมาที่นี่เพื่อออกไปประทับหนังสือเดินทางและประทับกลับเข้ามาใหม่ เพราะจะมีผลให้สามารถอยู่ต่อได้อีก 60 วัน โดยแรงงานพวกนี้เป็นแรงงานที่อยู่ระหว่างรอทำเอ็มโอยูนั่นเอง สำหรับคนไทยที่มีความจำเป็นต้องข้ามไปฝั่งปอยเปตจริงๆ ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับบ่อนหรือกาสิโน อย่างเช่นครอบครัวนี้มีหลักฐานการเช่าอาคารและคนในครอบครัวที่ทำธุรกิจอยู่ในฝั่งปอยเปต เจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้ข้ามไปได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนจากคนไทยที่ทำงานในบ่อนกาสิโนที่ระบุว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้และไม่สามารถเดินทางข้ามไปยังฝั่งปอยเปตได้จะต้องได้รับผลกระทบ […]

กต.ขอคนไทยในอิสราเอล-อิหร่าน “ออกจากพื้นที่” ทันทีที่ปลอดภัย

กระทรวงการต่างประเทศ 18 มิ.ย.- รมว.กต.ขอคนไทยในอิสราเอล-อิหร่าน “ออกจากพื้นที่” ทันทีที่ปลอดภัย สอท.เตหะรานเปิดศูนย์พักพิงรองรับแล้ว ยืนยันหากสถานการณ์ยกระดับพร้อมพิจารณาอพยพออกประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่านว่า ตนได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตในอิสราเอล และอิหร่าน ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่านอย่างใกล้ชิด และรายงานพัฒนาการในพื้นที่ให้ทราบอย่างต่อเนื่องและทันต่อสถานการณ์ โดยตนได้รับรายงานว่า สถานการณ์มีแน้วโน้มจะรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนมากขึ้น ซึ่งประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐฯ และจีนได้ประกาศให้ประชาชนของตน “เดินทางออกนอกพื้นที่” ตั้งแต่เมื่อวาน (17 มิ.ย.) แล้ว นายมาริษ ยังขอให้พี่น้องคนไทยในอิสราเอล และอิหร่านพิจารณาเร่งเดินทางออกจากพื้นที่ในทันทีที่สามารถกระทำได้อย่างปลอดภัย โดยสามารถติดต่อสถานทูตในอิสราเอลและอิหร่านได้ที่: : สายด่วนสถานทูต ณ กรุงเทลอาลีฟหมายเลข +972 546 368150 และ +972 503 673195 : สายด่วนสถานทูต ณ กรุงเตหะรานหมายเลข +98 912 159 5699 และ […]

“อนุทิน” ปัดตกข้อเสนอ​เพื่อไทย​ ปล่อยเก้าอี้​ “มท. 1”

กทม.18 มิ.ย. – ​ไม่ต้องรอ​ 48​ ชม.​ “อนุทิน” ยืนกรานไม่รับข้อเสนอ​เพื่อไทย​ ปล่อยเก้าอี้​ มท. 1 ขณะที่ “หมอมิ้ง” ได้รับคำตอบยกหู หา “ทักษิณ” ทันที เริ่ม Kick Off ปรับครม. คาดได้ “ครม.แพทองธาร 2” ภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ ​นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีไปพบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กระทรวงมหาดไทย เวลา16.00 น.​ เพื่อเจรจาและเพิ่มโควตา จาก 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ่วงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีก 1 ตำแหน่ง แต่นายอนุทิน ตอบปฏิเสธทันทีอย่างชัดเจน ว่า​ ไม่รับเงื่อนไขดังกล่าว ก่อนที่จะมีกระแสข่าวออกมาว่า พรรคเพื่อไทย ขีดเส้นตาย 48 ชั่วโมง […]