ทำเนียบฯ 12 ก.พ.-นายกฯ มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2566 ยืนยัน รัฐบาลจะปรับวิธีการทำงานเชิงรุกเดินหน้าเปิดตลาดส่งออก เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างเต็มศักยภาพ ไม่น้อยหน้าใคร
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2566 โดยมี 14 ประเภทรางวัล ประกอบด้วย รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น แบ่งเป็น 9 ประเภท ประกอบด้วย ประเภทการเพิ่มผลผลิต , ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม , ประเภทการบริหารความปลอดภัย , ประเภทการบริหารงานคุณภาพ , ประเภทการจัดการพลังงาน , ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน , ประเภทอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต , ประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม , และ ประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น แบ่งเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย ประเภทการบริหารจัดการที่ดี , ประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ , ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม , และประเภทบริหารธุรกิจสู่สากล
นายกรัฐมนตรี มอบโอวาท ขอบคุณกระทรวงอุตสาหกรรมที่เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนา และยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมของประเทศไทย พร้อมแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในช่วงเวลาที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ นับว่าเป็นโอกาสดีที่เศรษฐกิจของไทยจะมีทิศทางที่เติบโต และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น มาจากการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในเกือบทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะหมวดบริการที่เกี่ยวเนื่องการท่องเที่ยวภายในประเทศ ภาคอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ที่กำลังมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลายมิติ
ส่วนภาคอุตสาหกรรมนั้น รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศมาโดยตลอด ซึ่งเป็นแหล่งการจ้างงาน และที่สำคัญเป็นภาคเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้กับประเทศไทยมากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้เทคโนโลยีให้ก้าวหน้า และกระจายไปสู่ภาคอื่นๆ การสะสมประสบการณ์ และความชำนาญของผู้ประกอบการไทยทำให้อุตสาหกรรมไทยไม่เป็นรองใครในโลกนี้ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมไทย เพื่อแข่งขันในวิธีโลก โดยใช้ฐานความรู้อย่างสร้างสรรค์ การลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาฝีมือแรงงาน และการบริหารจัดการที่ทันสมัย รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เอื้อต่อการลงทุน เพื่อสนับสนุนความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมไทยที่จะแสวงหาประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ
“รัฐบาลจะช่วยเหลือและสนับสนุนความเจริญเติบโตในการส่งออก โดยจะช่วยเดินหน้าเปิดตลาดส่งออกให้มากขึ้น ผ่านการเซ็นสัญญา FTA กับประเทศต่างๆ ขณะเดียวกันจะช่วยผลักดันการยกระดับศักยภาพผ่านการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้มีทักษะใหม่ และห่วงโซ่อุปทานที่มีมูลค่าสูง เพิ่มมากขึ้นเข้ามาเป็นการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมไทยต้องขยับตัวให้เก่งขึ้น รัฐบาลสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายที่ประเทศไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลนี้จะทำงานในเชิงรุก เปลี่ยนระบบวิธีการทำงาน จะพาเจ้าของบริษัท และนักพัฒนาอุตสาหกรรมหลายคน ออกไปค้าในเวทีโลกให้มากขึ้น ซึ่งเป็นความหวังของรัฐบาลนี้ ถ้าหากมีพาร์ทเนอร์ในการลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ ร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้ดีขึ้นในอนาคต รัฐบาลยินดีให้การสนับสนุนในทุกมิติ เชื่อว่าจะเป็นมิติใหม่ในการทำงานเชิงรุกที่จะยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยให้แข่งขัน และไม่น้อยหน้าใครในเวทีโลก พร้อมขอให้ผู้ที่ได้รับรางวัลรักษามาตรฐานการดำเนินงานนี้ไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล และพาอุตสาหกรรมไทยไปพัฒนาต่อยอดให้มีความยั่งยืน.-313.-สำนักข่าวไทย