รัฐสภา 9 ก.พ.-“จุลพันธ์” บอกพร้อมนำความเห็นป.ป.ช.เข้าหารือคกก.ดิจิทัล 25 ก.พ.นี้ ชี้การเสนอความเห็นตามกม.ป้องกันทุจริตทำได้ แต่ต้องไม่เกินหน้าที่ ยืนยัน เดินหน้าต่อ เหน็บบัตรคนจนแค่หยอดน้ำข้าวต้ม ตอนนี้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับเอกสารรายงานความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เรื่องโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทอย่างเป็นทางการ แต่รับทราบในรายละเอียดแล้ว ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือแม้จะเป็นการให้ความเห็นตามหน้าที่ตามกฎหมาย มาตรา 32 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่กฎหมายกำหนดให้ความเห็นเพื่อป้องกันการทุจริต แต่ความเห็นดังกล่าวเป็นเหมือนการท้วงติงที่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.
“หากเอกสารฉบับทางการมาถึง รัฐบาล ก็จะนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ตในวันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งบางประเด็นตอบได้ง่าย อาจเป็นเพราะความไม่เข้าใจหรือได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนของป.ป.ช. ทั้งแหล่งที่มาของเงินเปลี่ยนจากงบประมาณเป็นพ.ร.บ.กู้เงิน และการใช้ระบบบล็อคเชนในการดำเนินโครงการ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถชี้แจงได้ โดยการประชุมจะตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริต อนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นในสังคมและรับฟังความเห็นเพิ่มเติม และคณะอนุกรรมการดูแลด้านการเงิน และระบบต่าง ๆ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายของโครงการจ่ายเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ยังคงเป็นกลุ่มเดิม ซึ่งความเห็นของป.ป.ช.ที่เสนอให้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน ต้องขอชี้แจงว่าปัจจุบันได้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว และกลไกของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่สามารถแก้ไขปัญหาและกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ เป็นเพียงการหยอดน้ำข้าวต้ม แต่จำเป็นต้องมีกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ครั้งนี้ออกมา
“แนวคิดในการทำนโยบายเป็นของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบต่อประชาชน ในขณะที่บางหน่วยงานไม่จำเป็นต้องตอบรับต่อเสียงสะท้อนของประชาชน หากเศรษฐกิจดำดิ่งยิ่งกว่าในปัจจุบัน คนที่รับผิดชอบคือรัฐบาล จึงต้องแสดงความชัดเจน รัฐบาลมีหน้าที่เดินหน้านโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา และบรรจุเป็นนโยบายแห่งรัฐ โดยเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังไม่ขอยืนยันว่าจะเริ่มแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตได้เมื่อไหร่ เพราะถ้าทำไม่ได้จะไม่เป็นผลดี แต่ขอยืนยันว่าเดินหน้าโครงการแน่นอน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
ส่วนที่ป.ป.ช.ขอให้กกต.ตรวจสอบการดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาล อาจไม่ตรงกับแนวนโยบายที่หาเสียงไว้ จะเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลที่แล้วแทบจะไม่ทำตามนโยบายเลย ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เคยท้วงติงเรื่องนี้ ในส่วนรัฐบาลปัจจุบันอย่างน้อยก็ได้ทำตามนโยบายที่ได้บอกไว้
“แม้รูปแบบจะเปลี่ยนบ้าง และนโยบายที่พรรคการเมืองนำส่งกกต.จะระบุไว้ว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เศรษฐกิจและสังคม เมื่อความเหมาะสมเปลี่ยน ซึ่งขณะนี้การดำเนินโครงการดังกล่าวไม่ใช่นโยบายของพรรคการเมือง แต่เป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งประกอบขึ้นจากพรรคการเมืองหลายพรรค จะยึดนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้ จำเป็นต้องนำมาผสมผสานเพื่อให้เกิด ความลงตัวและเดินหน้าได้” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
ส่วนที่มีนักร้องเตรียมจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หากรัฐบาลเดินหน้า นายจุลพันธุ์ กล่าวว่า ประเทศไทยนักร้องเยอะอยู่แล้ว เชื่อว่าถึงอย่างไรก็มีคนหยิบยกเรื่องนี้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจะเดินหน้าขอย้ำว่าโครงการดังกล่าวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่การสงเคราะห์.-312.-สำนักข่าวไทย