ป.ป.ช.เตรียมส่ง 8 ความเสี่ยงแจกดิจิทัลวอลเล็ต ให้รัฐบาล

สนามบินน้ำ  7 ก.พ. – “ป.ป.ช.” เตรียมส่งความเห็น  8 ความเสี่ยงแจกดิจิทัลวอลเล็ต ให้ รบ.ภายใน  2 วัน มอง เศรษฐกิจยังไม่วิกฤติ ชี้ไม่ควรกู้เงิน ควรแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางเป็นเงินสด ​ยอมรับเป็นข้อเสนอไม่มีอำนาจยับยั้งโครงการ แนะ กกต.สอบนโยบายนี้ เข้าขายสัญญาว่าจะให้หรือไม่


นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.​ มีมติเห็นชอบส่งความเห็นผลการศึกษานโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แล้ว โดยประธาน ป.ป.ช. ได้ลงนาม และจะส่งให้รัฐบาลภายใน 1-2 วันนี้

โดยจากการศึกษาพบว่า มีประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณา 4 ประเด็น คือ 1.เสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย และการทุจริตกลุ่มเป้าหมาย 2.มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ 3.เสี่ยงด้านกฎหมาย ทั้งรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง  พ.ร.บ.เงินคงคลัง พ.ร.บ.เงินตรา และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงระเบียบที่เกี่ยวข้อง  และ 4.ในประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่นเทคโนโลยีบล็อกเชน และประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง


นายนิวัติไชย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ กรรมการ ป.ป.ช. ได้ประชุมและมีมติเห็นควรเสนอข้อเสนอแนะ เพื่อป้องกันการทุจริตจากนโยบายดังกล่าวต่อ ครม.เพื่อพิจารณาหาทางป้องกันไม่เกิดความเสียหาย จำนวน 8 ประเด็น  คือ 1.รัฐบาลควรศึกษาวิเคราะห์การดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรม  ว่าผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ จะไม่ตกแก่พรรการเมือง นักการเมือง หรือเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่

2.ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ  กกต. ศึกษา เรื่องการหาเสียงของเพื่อไทยและคำแถลงนโยบายเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ มิฉะนั้นจะเป็นบรรทัดฐาน สำหรับพรรคการเมืองที่หาเสียงไว้  เมื่อได้รับเลือกตั้ง ไม่จำเป็นต้องปฎิบัติตามที่ได้หาเสียงไว้

3. ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าและผลกระทบทางเศรษฐกิจในอนาคต และหลักธรรมาภิบาล 4 ด้าน คือ ความโปร่งใส การถ่วงดุล การรักษาความมั่นคงของระบบการคลัง  และความคล่องตัว  พิจารณาผลดีผลเสียการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทที่จะสร้างภาระหนี้ในระยะยาว ซึ่งจะต้องตั้งงบประมาณในการชำระหนี้จำนวนนี้เป็นระยะเวลา 4-5 ปี กระทบตัวเลขการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ


4.ควรพิจารณาประเด็นความเสี่ยงด้านกฎหมายอย่างรอบด้าน เพื่อให้การดำเนินการเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นไปตามกฎหมาย

5. ควรประเมินความเสี่ยงในการดำเนินโครงการ โดยกำหนดแนวทางหรือมาตรการในการบริหารความเสี่ยงและการป้องกันการทุจริต และมีกระบวนการในการตรวจสอบ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังดำเนินโครงการ เพื่อให้เป็นไปผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง

6.การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้  ควรพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสม ตลอดจนระยะเวลาและงบประมาณที่ใช้พัฒนาระบบ ของการจ่ายเงินเพียงครั้งเดียว โดยให้ใช้จ่ายภายใน 6 เดือน

7. จากข้อมูลทางเศรษฐกิจของหน่วยงานต่างๆ ที่ได้จากการศึกษา มีความเห็นตรงกัน ว่าในช่วงเวลาที่ศึกษาอัตราความเจริญเติบโตของไทย ยังไม่ถึงขั้นประสบภาวะวิกฤต เพียงแต่ชะลอตัวเท่านั้น ดังนั้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน รัฐบาลควรพิจารณาให้ความสำคัญต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ

 และ 8. หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องช่วยเหลือประชาชน ควรเลือกช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่านั้น  โดยแจกจากแหล่งงบประมาณปกติ ไม่ใช่เงินกู้ตามพระราชบัญญัติเงินกู้ และจ่ายในรูปแบบเงินบาทปกติในอัตราที่เหมาะสม  ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังที่มีประสิทธิภาพและมีฐานข้อมูลครบถ้วน สามารถทำได้รวดเร็ว ซี่งหากใช้แหล่งเงินงบประมาณปกติ จะลดความเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมายต่างๆ และที่สำคัญไม่สร้างภาระหนี้สาธารณะของประเทศในระยะยาว

ส่วนที่เสนอแนะ กกต.ให้ตรวจสอบนโยบาย ว่าถือเป็นการสัญญาว่าจะให้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า อยากให้ กกต.ไปตรวจสอบว่าการที่ให้นโยบายไว้อย่างนึง แต่พอได้เข้ามาบริหารประเทศได้ดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้หรือไม่  มีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของที่มาของแหล่งเงิน แต่น่าจะต้องดูภาพรวมทั้งหมด สิ่งสำคัญคืออยากให้ทุกพรรคการเมืองคำนึงถึงการหาเสียง ควรจะพิจารณาให้รอบคอบก่อน ว่าพอมาบริหารประเทศแล้ว จะสามารถทำได้หรือไม่ มิเช่นนั้นจะเหมือนโฆษณาไว้ แต่เวลาซื้อจริงไม่ตรงตามโฆษณา ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะ ไม่ได้มีสภาพบังคับให้ กกต.ต้องดำเนินการ

ส่วนที่ กกต.เคย ตีตกคำร้องเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมาแล้ว 1 ครั้งตอนหาเสียงเลือกตั้ง ว่าไม่ได้เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ นายนิวัติไชย กล่าวว่า อาจจะเป็นดุลพินิจของ กกต. ในตอนนั้น เราไม่ก้าวล่วง แต่ข้อเสนอขอ ป.ป.ช.เราก็พิจารณาจากนโยบายที่รัฐบาลแถลงตอนนี้  โดยที่ยังไม่ได้มีการขับเคลื่อนโครงการ ซึ่งเราก็เสนอแนะในรูปธรรม ยังไม่ได้บอกว่าจะเกิดการทุจริต

ทั้งนี้ หากรัฐบาลไม่ดำเนินการตามข้อเสนอ 8 ข้อ ของ ป.ป.ช.จะเสี่ยงทุจริตหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า เราไม่ทราบว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร แต่ ป.ป.ช.มีหน้าที่เสนอแนะ ตามหน้าที่ในการป้องกัน  

“ไม่ใช่รอให้เกิดการทุจริตแล้วค่อยดำเนินการ พร้อมยืนยันว่าความเห็นของ ป.ป.ช. ไม่ใช่เรื่องมโน แต่เป็นความเห็นเชิงวิชาการ ไม่ใช่คิดเองเออเอง แต่เป็นความเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายภาคส่วน”  นายนิวัติไชย กล่าว

ส่วนมีความเสี่ยงหรือไม่ หากรัฐบาลเดินหน้าโครงการตามแนวทางเดิม นายนิวัติไชย กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคตหากดำเนินการไปแล้ว สามารถชี้แจงต่อสาธารณชนได้ ไม่มีการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้น และไม่มีการเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล

เมื่อถามว่า ตอนนี้รัฐบาลมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจวิกฤต จึงต้องเดินหน้าโครงการนี้ นายนิวัติไชย กล่าวว่า สิ่งแรกที่เราต้องมองคือว่าประเทศไทยตอนนี้วิกฤติหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่นักวิชาการของ ป.ป.ช.มองว่ายังไม่วิกฤติ  เราจึงได้เสนอมุมมองนี้ให้กับรัฐบาล แต่หากรัฐบาลมีมุมมองและข้อมูล ว่าวิกฤตก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการดำเนินโครงการ

เมื่อถามว่าหากมีการ ออก พ.ร.บ.กู้เงิน มาดำเนินโครงการ ใครจะเป็นคนชี้ว่าคุ้มค่าตามกฎหมายหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า คงเป็นรัฐบาล เมื่อดำเนินโครงการแล้วก็จะต้องรับผิดชอบ แต่ในการขับเคลื่อนรัฐบาลก็ต้องมีข้อมูลพอสมควรว่าใช้ Big Data จากที่ไหน

“หลังจากนี้ ป.ป.ช.ติดตามการอย่างใกล้ชิด เป็นแนวทางในการป้องกัน เพราะตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร แล้ว ป.ป.ช. ไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ว่า โครงการนี้ดีหรือไม่ดี รัฐบาลควรจะยุติโครงการนี้หรือเดินหน้าต่อ และยืนยัน ว่า ป.ป.ช.ไม่มีหน้าที่ไประงับยับยั้ง​โครงการ เพราะกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ เว้นแต่กรณีที่มีความผิดเกิดขึ้น เกิดการทุจริตไปแล้ว ป.ป.ช.สามารถขอศาลให้มีสั่งยกเลิกโครงการ” นายนิวัติไชย กล่าว

เมื่อถามว่า หากรัฐบาลยืนยันจะออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน เข้าสู่สภาฯ ป.ป.ช.สามารถตรวจสอบเชิงรุกได้เลยหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า เราก็ตรวจสอบเป็นระยะ แต่การที่กฎหมายจะผ่านสภาฯ ก็ต้องความผ่านความเห็นจากสมาชิก ซึ่งมาจากประชาชน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะต้องผ่าน ทั้งสส.และ สว. เขาอาจจะหยิบยกข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.ไว้พิจารณาด้วย ทั้งนี้หากรัฐบาลเดินหน้าโดยไม่รับฟังข้อเสนอแนะ มีโอกาสจะซ้ำรอยเหมือนโครงการรับจำนำเข้าหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ไม่สามารถชิงที่จะวินิจฉัยก่อนได้ เป็นการลักไก่ไม่ถูกต้อง.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ยินดีมวยไทยบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027

กระทรวงวัฒนธรรม 16 ก.ค.- “แพทองธาร” ยินดีความสำเร็จมวยไทยบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027 อย่างเป็นทางการ ชี้ เป็นผลลัพธ์การทำงานอย่างมุ่งมั่นของคกก.ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬา-กองทัพไทย-สมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) ผลักดันสู่เวทีกีฬาสากล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่ายกระดับมวยไทยสู่เวทีโลกอีกขั้น ดิฉันขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง กับความสำเร็จล่าสุดของประเทศไทย — #มวยไทย ได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาของการแข่งขัน CISM World Summer Games 2027 (กีฬาทหารโลก 2027) อย่างเป็นทางการแล้วค่ะ การแข่งขันกีฬาทหารโลก จัดโดย สภากีฬาทหารระหว่างประเทศ เป็นมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ ปัจจุบันมีประเทศในสมาชิก 141 ถือเป็นเวทีสำคัญที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ประเทศไทยเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 1st CISM Military Muaythai Challenge เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกของการเปิดเวทีระหว่างประเทศให้มวยไทยเข้าสู่การแข่งขันของกองทัพนานาชาติ การบรรจุมวยไทยในกีฬาทหารโลกครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของประเทศไทย และเป็นผลลัพธ์จากการทำงานอย่างมุ่งมั่นของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Soft Power ด้านกีฬา ร่วมกับกองทัพไทย และสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) ที่ผลักดันให้ “มวยไทย” […]

นักท่องเที่ยวคึกคัก “ตาเมือนธม” ปรับลดกำลังฝั่งละ 3 นาย

สุรินทร์ 16 ก.ค. – แม้เพิ่งผ่านเหตุป่วนปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ จนนักท่องเที่ยวต้องวิ่งหลบเข้าบังเกอร์เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ แต่วันนี้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและกัมพูชายังคงเข้าไปเที่ยวคึกคัก ล่าสุดมีการปรับลดกำลังบนตัวปราสาทฝั่งละ 3 นาย ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ คึกคัก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากมาให้กำลังใจทหารที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติอย่างแข็งขัน หลังวานนี้ (15 ก.ค.) เกิดเหตุป่วนปราสาทตาเมือนธม ล่าสุดมีการปรับลดกำลังของแต่ละฝ่ายบนตัวปราสาท ฝั่งละ 3 นาย บรรยากาศปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นักท่องเที่ยวทยอยเข้าพื้นที่ตั้งแต่เช้าก่อนเวลาเปิด ทั้งรถส่วนตัว รถทัวร์ รถตู้โดยสาร โดยรถทัวร์ 2 คัน ผู้โดยสาร 150 คน มาจากเทศบาลตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี นำสิ่งของมาบริจาคบำรุงขวัญทหาร ตำรวจแนวหน้า ขณะที่กลุ่มคนสวมเสื้อสกรีนข้อความ “รักเธอประเทศไทย” เป็นกลุ่มคุณเจน ญาณปรีดส์ ราว 40 คน เดินทางด้วยรถตู้ 4 คัน มาจากกรุงเทพฯ นอกจากมอบสิ่งของบริจาคเพื่อทหารทุกนายแล้ว ยังมอบเงินพิเศษให้ทหาร 2 […]

“สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ลุยสางปัญหาวงการสงฆ์

พุทธมณฑล 16 ก.ค.- “สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ผอ.พศจ.ทั่วประเทศตบเท้าเข้าฟัง หลังเกิดประเด็นฉาว “สีกากอล์ฟ” บอกขอฟังปัญหาก่อนเพื่อแก้ให้ตรงจุด ชี้ถูกสั่งให้มาสางปัญหาแต่ปัญหามีเยอะเหลือเกิน ยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 แจง รัฐต้องช่วยแก้ปัญหา นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบนโยบายการดำเนินงานแก่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงและผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาทั่วประเทศเข้ารับฟัง ณ อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ห้องประชุม มส.เดิม) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม หลังเกิดประเด็น สีกากอล์ฟ ที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้องจนทำให้มีการลาสิกขาบทไปแล้วถึง 9 รูป โดยนายสุชาติ กล่าวว่า ตนมาวันนี้อยากขอฟังภารกิจของสำนักงานพระพุทธศาสนา ในสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เพราะตอนนี้ตนได้มารับงานดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นอย่างที่ตนได้เคยให้ข่าวไว้ว่ารับน้องใหม่แรงเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไรยินดีที่จะเข้ามาสางปัญหา เพราะถูกส่งให้เข้ามาสางปัญหาโดยเฉพาะ แต่ก็มีปัญหาให้สางเยอะไปหน่อย แล้วตนอยากฟังว่าการดำเนินงานที่ผ่านมามีปัญหาหรือติดขัดอะไรบ้าง มีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขให้ถูกจุด เพราะว่าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 5 […]

“ภูมิธรรม” ขออดทนอดกลั้นเหตุกัมพูชายั่วยุ อย่าฟัง “ฮุนเซน”

บน.6 ดอนเมือง 16 ก.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่นรัฐบาลไม่พอใจกัมพูชามากอยู่แล้ว ขอประชาชน-ทหาร อดทนเหตุยั่วยุต่างๆ อย่าฟัง “ฮุนเซน” แค่ “พ่อนายกฯ เขมร” อยากแก้ปัญหา แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุความวุ่นวายที่ประสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ วานนี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิด ซึ่งทราบว่ามีการยั่วยุ โดยพยายามสั่งให้เจ้าหน้าที่ไทยระมัดระวังและอดทนอดกลั้นให้มากที่สุด รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ก็ต้องคอยระวัง เพราะกัมพูชาจะใช้กลยุทธ์วิธีแบบนี้ในการทำให้เกิดการประทะกัน เกิดความรุนแรง ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในเรื่องระหว่างประเทศได้ กำลังพลของไทยส่วนใหญ่เข้าใจ ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ใช้กำลังแก้ปัญหา และไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าเราทำให้เกิดความรุนแรง เพื่อจะเอาพื้นที่กลับมา สำหรับปราสาทตาเมือนธม ก็มีมาตรการในการป้องปรามอยู่แล้ว เปิดบางส่วนปิดบางส่วน ก็ต้องดูเป็นพื้นที่ และเป็นอำนาจในการควบคุมดูแลของแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อถามว่ากังวลจะมีเหตุซ้ำรอยหรือไม่ เพราะกัมพูชายั่วยุมา ส่วนฝ่ายไทยก็มีอดีตทหารพรานไปชกหน้าทหารกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ต้องพยายามอย่าปลุกความเกลียดชัง สิ่งที่เราห่วงใยคือการปะทะแล้วจะเลยเถิดไปถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประชาชนชาวไทยที่อยู่แนวชายแดน และทหารหาญ เพราะถ้ากระทบขึ้นมาก็ไม่ดี “รัฐบาลไม่พอใจกัมพูชาอย่างมากอยู่แล้ว และในแง่การดำเนินการทางการทูต รัฐมนตรีต่างประเทศก็ได้ดำเนินการแต่ละขั้นตอน […]