ทำเนียบรัฐบาล 7 ก.พ.-นายกฯ ไทย-กัมพูชาร่วมแถลงยกระดับสัมพันธ์สู่การเป็น “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์” พร้อมส่งเสริมความร่วมมือทุกมิติ ด้านนายกฯ กัมพูชา ขอบคุณรัฐบาลไทยให้ความสำคัญแรงงานกัมพูชา พร้อมขอให้อำนวยความสะดวกกลับเยี่ยมบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ตรงปีใหม่กัมพูชา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังหารือแบบเต็มคณะและพิธีลงนามความความมือ(MOU) 5 ฉบับ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่วันนี้ความสัมพันธ์ไทย – กัมพูชาอยู่ในระดับที่ดีมาก การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและภริยา พร้อมคณะรัฐมนตรี แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความใกล้ชิดที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีต่อกัน
“ด้านความสัมพันธ์ จะยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็น “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์” ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทำงานอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และส่งเสริมศักยภาพของทั้งสองประเทศที่มีร่วมกัน และไทยจะเปิดสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ในเมืองเสียมเรียบ ในขณะที่กัมพูชาจะเปิดสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ในสงขลาในปีนี้ ขณะที่ความมั่นคง โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ไทยจะไม่ยอมให้ใครใช้ไทยเป็นพื้นที่แทรกแซงกิจการภายใน หรือดำเนินกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งยังเห็นพ้องกันกระชับความร่วมมือต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะเครือข่ายหลอกลวงทางไซเบอร์” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าระดับรัฐมนตรีพาณิชย์ ครั้งที่ 7 ในต้นเดือนมีนาคม พร้อมทั้งมีนโยบาย Quick Win ในการนำ MOU ว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าที่ได้ลงนามไปใช้ทันที เพื่อเพิ่มปริมาณการค้า โดยเฉพาะการค้าชายแดน รวมถึงยินดีกับการลงนาม MOU ระหว่าง EXIM Bank กับหอการค้ากัมพูชา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนจากทั้งไทยและกัมพูชา ส่วนการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ได้ตกลงที่จะกระชับความร่วมมือความมั่นคงด้านพลังงาน ตกลงจะหารือเพิ่มเติมเพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันจากทรัพยากรไฮโดรคาร์บอนในพื้นที่ทับซ้อนกันระหว่างสองประเทศ มุ่งมั่นเรื่องการเก็บทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่นำร่อง เพื่อเป้าหมายทำให้พื้นที่ชายแดนปลอดภัย พร้อมทั้งยกระดับเปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาที่ยังคั่งค้าง รวมทั้งยินดีที่ได้ลงนาม MOU ว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการรับมือเหตุฉุกเฉิน ซึ่งจะเป็นการวางกรอบความร่วมมือเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินในบริเวณชายแดน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนด้านการท่องเที่ยว เห็นพ้องการรวมจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคเข้าด้วยกัน ผ่านโครงการ “หกประเทศ หนึ่งจุดหมายปลายทาง” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค พร้อมปรับปรุงข้อตกลงว่าด้วยการข้ามชายแดน และจะกลับมาเจรจาความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนทางถนน เพื่อให้ข้ามพรมแดนด้วยรถยนต์ส่วนตัวได้ สำหรับปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน ได้ตกลงจัดตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อจัดทำแผนความร่วมมือการจัดตั้งสายด่วน แลกเปลี่ยนข้อมูลและการเตือนจุดที่มีการเผา ความร่วมมือการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน สร้างขีดความสามารถและแบ่งปันแนวปฏิบัติจัดการกับการเผาในเกษตรกรรม รวมถึงไทยได้เชิญกัมพูชาเข้าร่วมแผนปฏิบัติการ CLEAR Sky Strategy เพื่อส่งเสริมความร่วมมือการแก้ปัญหานี้ในระดับภูมิภาค
“ส่วนด้านแรงงาน ยืนยันว่าไทยให้ความสำคัญดูแลแรงงานทุกประเทศ รวมถึงชาวกัมพูชาในประเทศไทย ให้ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมและการรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม ขณะที่สถานการณ์ในเมียนมา สองประเทศเห็นพ้องกันที่ต้องการเห็นเมียนมามีสันติสุข มั่นคง เป็นเอกภาพ ซึ่งรัฐบาลจะแสดงบทบาทเชิงรุกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนในเมียนมา และส่งเสริมการแก้ปัญหาอย่างสันติ โดยดำเนินความร่วมมือพร้อมกับอาเซียน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่น ไทยและกัมพูชาเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์และความร่วมมือครอบคลุมทุกมิติมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับแรงงานกัมพูชา พร้อมขอให้ไทยอำนวยความสะดวกแรงงานกัมพูชาที่ต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งตรงกับปีใหม่ของกัมพูชาด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมนำไปพิจารณา และเน้นย้ำถึงการดูแลสวัสดิภาพของแรงงานในไทย และยินดีส่งเสริมให้แรงงานกัมพูชาเข้าถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการทางสังคมของไทยด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวอวยพรให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 2568 และขอให้ชาวไทยที่เป็นมิตร มีความสุขความเจริญในปีต่อ ๆ ไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้นำไทยและกัมพูชาเน้นย้ำถึงความสำคัญการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน โดยจะร่วมกันจัดกิจกรรมฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2568 ซึ่งเน้นกิจกรรมที่ส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชน พร้อมทั้งยืนยันที่จะพบปะและหารือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระชับความร่วมมือให้ใกล้ชิดต่อไป.-316.-สำนักข่าวไทย