ดอดตรวจสุวรรณภูมิเตรียมรื้อทั้งระบบหนุนท่องเที่ยว

ทำเนียบรัฐบาล 5 ก.พ. -“เศรษฐา” ย่องตรวจสุวรรณภูมิไม่แจ้งล่วงหน้า เล็งรื้อระบบทั้งไอที-แบ็คอัพ-เพิ่มบุคลากร ยอมรับคนเข้า-ออกเสียเวลารอนาน กระทบท่องเที่ยว


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ว่า ทุกคนทราบดีว่าช่วงต้นเดือนมีนาคมจะประกาศยกระดับสนามบินทั่วประเทศ และเป็นแผนงานใหญ่ ซึ่งระบบตรวจคนเข้าเมืองและวิธีการต่าง ๆ ในสนามบินเป็นเรื่องสำคัญ ตนไม่อยากรับฟังเพียงแค่รายงาน แต่อยากไปดูให้เห็นด้วยตา ขอไม่ใช้คำว่าปัญหา แต่ใช้ว่าเป็นโอกาส

“มีโอกาสทำให้ดีขึ้นอีกมากหลายมิติ อาทิ งานระบบ ซึ่งมีไอทีหลายเจ้าเข้ามาทำ แต่ไม่เชื่อมต่อกัน เรื่องความเสถียรของระบบแบ็คอัพ เรื่องของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่ไม่เพียงพอ ซึ่งผมได้ไปดพื้นที่พักผ่อนของเจ้าหน้าที่ตม. การเปลี่ยนกะเปลี่ยนเวร ความเป็นอยู่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็สั่งให้ปรับปรุง รวมถึงปัญหาผู้โดยสารขาเข้า-ขาออกด้วย วันนี้จึงเป็นโอกาสไปรับฟังข้อมูล เพื่อมาปรับปรุงและเขียนไปในแม่แบบอันใหญ่ ที่จะมาแถลงต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนปัญหาระบบการตรวจคนเข้าเมืองล่ม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องบูรณาการ ระบบที่ล่มนั้น เป็นเรื่องของเทคนิคอล ระบบแบ็คอัพไม่ดี พอมีคนเข้ามาเยอะระบบก็หน่วง ซึ่งปกติแล้ว KPI ต่อคนที่เข้ามาคือ 45 วินาที แต่พอคนเข้ามาจำนวนมาก ทุก Station ใช้งานหมด กลายเป็นใช้เวลานาทีกว่า ทำให้ช้าเข้าไปอีก ถือเป็นปัญหาใหญ่ วันนี้จะประชุมช่วงบ่าย จะเขียนเป็นแม่แบบออกมาว่าจะแก้ไขอย่างไร คาดว่าคงใช้เวลาประมาณ 12 เดือนในการแก้ปัญหาทั้งหมด รวมทั้งประเด็นตำรวจ ตม.ไม่เพียงพอ จะเรียกเรียกผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมาหารือช่วงบ่ายวันนี้ จะ ต้องขอไปทาง สำนักงานข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) เพราะเป็นเรื่องของปัญหาระยะยาวที่อยากแก้ไขภายในครั้งเดียว

เมื่อถามถึงนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาจำนวนมาก จะมีปัญหาอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเทียบเท่าก่อนช่วงเกิดโควิด ก็ต้องบริหารจัดการ โดยให้ KPI ไปว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาแล้ว ไม่ควรจะคอยเรื่องการประทับตราในหนังสือเดินทางเกิน 30 นาที นับตั้งแต่มาเข้าคิว ส่วนปัญหาการรับกระเป๋าที่ล่าช้า ได้ไปสอบถามเช่นกัน ขณะนี้ดีขึ้นแล้ว แต่จะพยายามทำให้ดีขึ้นอีก ซึ่งต้องไปดูงานระบบสายพานที่ส่งมา

ส่วนปัญหาผู้โดยสารขาออกที่มีความล่าช้ารอนาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ไปตรวจสอบเช่นกัน พบว่ามีคนรอแถวยาวมาก ตั้งแต่ตรวจลงตราพาสปอร์ต เอกซเรย์กระเป๋า พื้นที่เช็คอินไม่เพียงพอ ซึ่งเคยพูดไปแล้วว่าขาออก ไม่อยากให้ตรวจเช็คเยอะ แต่ก็มีปัญหา 2 อย่าง คือเรื่องของ Over Stay หรืออยู่เกินกำหนดกับคนที่มีความผิดที่จะออกนอกประเทศ ตรงนี้ระบบไอทีต้องลิงก์เข้าให้ได้ทั้งหมด ต้องตรวจให้ได้ต้อง alert ให้ได้ ถือเป็นแผนระยะกลาง ซึ่งตนได้ให้นโยบายไปแล้วเช่นกัน ซึ่งถ้าไม่ต้องตรวจเป็นเคาน์เตอร์ที่มีการประทับตราแล้วออกไป ก็ทำให้ระยะเวลาที่เดินทางออกนอกประเทศสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง


“เพราะตั้งแต่ที่คนเข้ามาประเทศไทย ก็อยากให้มีความสะดวกสบาย ตั้งแต่ลงเครื่องบินมาถึงงวงช้าง ไม่ต้องนั่งรถบัสเข้ามาที่สนามบิน มาถึงก็ไม่ต้องคอยนานเกิน 30 นาที รับกระเป๋าแล้วก็ออกไปได้เลย ส่วนระบบรถแท็กซี่ที่เข้ามาก็ต้องเหมาะสมถูกต้อง ขณะที่ขากลับก็ไม่อยากให้ใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมง เพราะล่าสุดที่ได้สอบถามไปใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจนักท่องเที่ยวเหมือนกัน แทนที่จะเอาเวลาไปเที่ยว จับจ่ายใช้สอยเพิ่ม ก็ต้องเสียเวลามาสนามบิน นี่จึงเป็นโอกาสที่ทำให้การท่องเที่ยวประเทศไทยดีขึ้น ให้มองเป็นโอกาส” นายกรัฐมนตรี กล่าว.- 313.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร