ปลัดมหาดไทย เตือนมิจฉาชีพปลอมเสียง ขอยืมเงิน

กทม. 3 ก.พ.- “มหาดไทย” เตือนภัยสังคม มิจฉาชีพปลอมเสียงปลัดมหาดไทย พร้อมใช้ไลน์ปลอม หวังหลอกนายอำเภอให้โอนเงิน แต่นายอำเภอรู้ทัน จึงบันทึกเสียงแล้วเดินทางไปลงบันทึกประจำวันทันที ยืนยัน ปลัดมหาดไทยไม่มีการยืมเงิน หรือขอให้โอนเงินอย่างแน่นอน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เตือนพี่น้องประชาชน รวมถึงข้าราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ระวังภัยสังคมรูปแบบใหม่ โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะแอบอ้างว่าเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยด้วยการโทรศัพท์ไปเพื่อขอให้โอนเงิน แล้วจะใช้ LINE ซึ่งมีโปรไฟล์เป็นรูปปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมส่งเลขบัญชีที่จะให้โอนเงินไป หากใครหลงเชื่อไม่ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก็อาจจะต้องหลงกลสูญเสียเงิน


“ในกรณีนี้ เหตุการณ์ล่าสุด เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 2 ก.พ. 67 มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไปยังนายณรงค์ชัย สกุลอ่อน นายอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ทางหมายเลขโทรศัพท์ประจำตำแหน่งนายอำเภอ พร้อมทั้งส่งข้อความผ่านทาง LINE ซึ่งมีการใช้รูปโปรไฟล์ของตน เพื่อลวงให้โอนเงิน โดยปลายสายได้แจ้งว่าให้ช่วยโอนเงินค่าซื้อสินค้า จำนวนเงิน 86,000 บาท อ้างว่าแอปพลิเคชันธนาคารไม่สามารถใช้การได้ และจะให้เลขานุการของตนโอนเงินคืนภายหลัง พร้อมให้เลขบัญชีธนาคาร แล้วได้โทรมาติดตามสอบถามเป็นระยะ ๆ ว่าได้โอนเงินไปให้หรือยังในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งท่านนายอำเภอกระบุรีได้พิมพ์ข้อความพูดคุยเพื่อประวิงเวลา พร้อมเดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ณ สถานีตำรวจภูธรกระบุรี และทำการทดลองโอนเงินจำนวน 1 บาท เพื่อเป็นหลักฐานไว้ ทั้งนี้ ในระหว่างที่ลงบันทึกประจำวันอยู่นั้น บุคคลดังกล่าวได้ใช้การสนทนาแบบ Video Call ทาง Line แต่ไม่ยอมเปิดกล้องแสดงตน จึงยิ่งทำให้มั่นใจว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพแน่นอน จึงแจ้งความดำเนินคดีต่อตำรวจเพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป”

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้หลายนย้ำว่า ในช่วงที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนหลายท่านอาจเคยได้รับสายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” หลอกให้โอนเงิน โดยอ้างว่ามีพัสดุตกค้าง หรือต้องโอนเงินก่อนเพื่อสมัครเป็นสมาชิก หรืออื่น ๆ เพื่อหลอกลวงให้โอนเงิน ซึ่งภาครัฐและสื่อมวลชนได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวสาร ประกาศเตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของพวกแก๊งมิจฉาชีพ แต่ทว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพได้พัฒนารูปแบบกลฉ้อฉลกลเม็ดใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่หลาย ๆ ท่านอาจคาดไม่ถึงว่ามีด้วยหรือ “โดยผู้เสียหายได้รับสายโทรศัพท์ที่โทรมาแล้วปลายสายไม่พูด ปล่อยให้เราพูดอยู่คนเดียวไปเรื่อย ๆ แล้วก็วางสายไป” ซึ่งหลายท่านคงคิดว่าเป็นเพราะสัญญาณไม่ดี แต่ความจริงแล้ว ท่านกำลังอาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่กำลังบันทึกเสียงสนทนาอยู่ แล้วนำข้อมูลเสียงที่ได้ไปแปลงเสียงโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI แปลงเสียงเพื่อใช้นำไปโทรหาคนสนิทของเรา และหลอกลวงเอาเงิน ซึ่งการใช้ AI สร้างเสียงหรือการปลอมแปลงเสียง เรียกว่า “Voice Clone” (วอยซ์โคลน) ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพ และพบว่าเสียงจาก AI มีความสมจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ เมื่อมิจฉาชีพสืบค้นมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ก็จะมีการโทรไปหาญาติ คนใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน ของเจ้าของเสียง โดยสุ่มโทรหาคนที่เป็นเพื่อนในโซเชียลมีเดีย โดยมักจะสร้างสถานการณ์ว่ากำลังตกอยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องใช้เงินด่วน ทำให้เราสงสาร แล้วรีบโอนเงินโดยไม่ทันยั้งคิด เช่น มีเหตุต้องใช้เงินด่วน ประสบอุบัติเหตุ เข้าโรงพยาบาล หรือแอปธนาคารขัดข้อง ฯลฯ

“ขอย้ำเตือนให้พี่น้องข้าราชการ ประชาชน และสังคมออนไลน์ โปรดระมัดระวังการติดต่อสื่อสารทางสื่อออนไลน์ แม้บุคคลนั้นจะเป็นบุคคลที่เรารู้จักมักคุ้น ควรพิถีพิถันช่างสังเกต และหากให้มีการโอนเงินหรือการให้กดลิงค์ใด ๆ ทาง SMS ก็อย่าหลงเชื่อ อย่าเผลอไปกดเป็นอันขาด ควรตรวจสอบให้รอบคอบก่อนจะตัดสินใจให้ความช่วยเหลือหรือโอนเงินในทันทีนั้น หากสงสัยหรือไม่แน่ใจอย่าดำเนินการใด ๆ เป็นอันขาด ควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าปลายสายเป็นคนที่รู้จักจริงหรือไม่ เพราะจะเป็นเบอร์แปลกที่ไม่คุ้นเคยหรืออาจจะอ้างว่าเปิดเบอร์ใหม่ เปลี่ยนเบอร์แล้ว แต่เสียงคล้ายคลึงมาก ซึ่งวิธีการตรวจสอบง่าย ๆ ในเบื้องต้น คือ การสอบถามข้อมูลเชิงลึก อาทิเช่น ทำงานที่ไหน เกิดวันอะไร เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เป็นต้น แล้วบอกว่าจะติดต่อกลับ พร้อมตั้งสติและรีบโทรศัพท์กลับไปหาคนที่ถูกอ้างชื่อโทรมา ด้วยการโทรไปเบอร์ที่เราบันทึกไว้ ไม่ใช่เบอร์ที่เพิ่งโทรมา ซึ่งแม้จะเสียเวลาแต่ดีกว่าเสียเงินให้กับมิจฉาชีพแน่นอน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม


นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ในเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินทุกชนิด สิ่งสำคัญที่ต้องฉุกคิด คือ ไม่ควรโอนเงินเด็ดขาด หากชื่อบุคคลที่ขอเงินหรือปลายสายกับชื่อบัญชีธนาคารไม่ตรงกัน ถ้าเป็นแบบนี้คิดไว้เลยว่ามิจฉาชีพแน่นอน และหากท่านตกเป็นเหยื่อแล้วควรแจ้งความทันที และขอยืนยันว่า “ปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่มีการยืมเงินหรือขอให้โอนเงินอย่างแน่นอน” หากพี่น้องประชาชน หรือเพื่อนข้าราชการ ได้รับโทรศัพท์โดยอ้างว่าเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยขอยืมเงิน หรือมี Application LINE มาขอยืมเงินโดยใช้รูปปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านกำลังพบกับมิจฉาชีพ อย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]