พรรคเพื่อไทย 30 ม.ค.-เพื่อไทย เดินหน้าตั้ง กมธ.ศึกษากฎหมายนิรโทษกรรม กรอบ 60 วัน ยันไม่ซื้อเวลา ชี้ทำให้รอบคอบมากที่สุด เตรีนมยื่นแก้กฎหมายประชามติ ออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ได้ อำนวยความสะดวกประชาชน
นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวถึงการเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติประชามติ ปี พ.ศ.2567 และเดินหน้าตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ของนางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ว่า จะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งถูกบรรจุเป็นวาระในที่ประชุมแล้ว แล้ขอเลื่อนขึ้นมาเป็นญัตติด่วนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ 31 มกราคม หรือ 1 กุมภาพันธ์ 2567
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้มีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายในการพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม จึงอยากรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย รวมทั้งฝ่ายพรรคการเมือง ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดจะต้องพิจารณากฎหมาย เพื่อหาข้อยุติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยคณะกรรมาธิการที่จะเกิดขึ้น เป้าประสงค์ของพรรคเพื่อไทย คือต้องการให้ทุกพรรคการเมือง และบุคคลภายนอก เข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมาธิการชุดนี้ให้ได้มากที่สุด โดยองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการชุดนี้ ควรมีไม่เกิน 28-29 คน และกรรมาธิการควรมาจาก สส.ของพรรคที่มีจุดยืนในระบอบประชาธิปไตยอย่างเข้มแข็ง ได้รับการยอมรับ และควรเปิดกว้างให้ภาคประชาชนและนักวิชาการที่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้เข้ามาร่วมศึกษา
“พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า การเสนอตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ ไม่ได้เป็นการซื้อเวลา เรายืนยันว่า การศึกษาในเรื่องนี้ ควรใช้เวลาไม่นานเกินไป แต่ไม่ช้าเกินรอ คือไม่เกิน 60 วัน ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ช้าจนเกินไป และไม่เร็วจนเกินไป เพื่อความรอบคอบ รัดกุม รับฟังทุกเสียงสะท้อนให้มากที่สุด”นายชูศักดิ์ ระบุ
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวว่า สำหรับจุดยืนของพรรคเพื่อไทย มองว่า การนิรโทษกรรมควรเป็นนิมิตหมายอันดีในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยไม่ควรเป็นสาเหตุของการสร้างความขัดแย้งขึ้นมาใหม่
นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.67) พรรคเพื่อไทยจะเสนอญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอแก้ไข พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ปี พ.ศ.2564 โดย สส.ของพรรคเพื่อไทยได้ลงนามเรียบแล้ว และจะยื่นประธานสภาในเวลา 11.00 น. ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เห็นด้วยในการแก้ไขกฎหมายนี้ โดยแก้ไขในประเด็นที่น่าสนใจ เช่น
1.ประชาชนต้องใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ (เสียงข้างมากแรก)
2.เมื่อออกเสียงแล้ว ต้องชนะกันที่เสียงข้างมากต้องเกินกว่าหรือมากกว่าผู้ไม่ประสงค์จะลงคะแนน หรือผู้ประสงค์จะไม่ใช้สิทธิ์ (เสียงข้างมากสอง) จากเดิมที่ผู้ชนะกันเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ
3.การออกเสียงประชามติ สามารถการออกเสียงคะแนนเลือกตั้งทั่วไปพร้อมๆกันได้ เพื่อประหยัดงบประมาณ
4.การออกเสียงสามารถออกเสียงโดยการกากบาทที่บัตร โดยจะเสนอให้ออกเสียงด้วยวิธีการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนออกเสียงมากขึ้น เช่น สื่ออิเล็คทรอนิกส์ หรือไปรษณีย์ ฯลฯ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมในการดำเนินการในการทำประชามติ
5.ถ้าจะออกเสียงประชามติ กกต. ต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยได้แสดงความเห็นโดยเสมอภาคเท่าเทียมกัน จากเดิมที่กฎหมายมีข้อกำหนดห้ามรณรงค์ออกเสียง หรือ ไม่ออกเสียง
ด้านนายจิรวัฒน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยอยู่ระหว่างการเตรียมเสนอ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อสร้างหลักประกันการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานให้พี่น้องชาติพันธุ์ ได้เข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลและการศึกษา วางหลักการคุ้มครองส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ประเพณีต่างๆของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะจัดให้มีกลไก ‘คณะกรรมการชาติพันธุ์แห่งชาติ’ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธาน และยังจัดให้มี ‘สมัชชากลุ่มชาติพันธุ์’ ที่มีการรวบรวมกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เบื้องต้นมีพี่น้องชาติพันธุ์ 50 กลุ่ม มีการจัดทำข้อมูลประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ เพื่อให้เข้าถึงสิทธิ์การออกบัตรประชาชน ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ 500,000 คนไม่มีบัตรประชาชน นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาไปถึงพี่น้องชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่พื้นที่ราบสูงและชาวเล ซึ่งจะอาศัยในพื้นที่ป่า พื้นที่ทะเล ซึ่งจะส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต และทำการประมง เพื่อไม่ให้เกิดข้อพิพาทในกฎหมายอื่นๆ ด้วย
สำหรับปัจจุบันสถานะของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ สส.พรรคเพื่อไทย หากครบแล้วจะเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ปี พ.ศ.2564.-316.-สำนักข่าวไทย