สว.ชำแหละนโยบายประชานิยม

รัฐสภา 30 ม.ค.- สว.ชำแหละนโยบายประชานิยม  คิดแค่สร้างวาทะกรรม  ให้ได้คะแนนเสียง หากทำไม่ได้หลอกลวงประชาชนหรือไม่ สงสัยแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต พรรคการเมืองไหนได้ประโยชน์


ในการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา (สว.)เป็นประธานการประชุม  พิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องผลกระทบของนโยบายหาเสียงเชิงประชานิยมของพรรคการเมืองไทย ซึ่งคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง  และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา  พิจารณาเสร็จแล้ว  โดยนายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ สว.ในฐานะประธานอนุ กมธ.ด้านวิชาการและเสริมสร้างให้ความรู้ระบอบประชาธิปไตย  อันมีพระมหากษัติรย์ทรงเป็นประมุข  พิจารณาศึกษาเรื่องผลกระทบของนโยบายหาเสียงเชิงประชานิยมของพรรคการเมืองไทย    ชี้แจงว่า การพิจารณาศึกษาเรื่องนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองในปัจจุบัน  ซึ่งคณะอนุ กมธ.ฯ  เห็นว่านโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองถูกวิพากษ์วิจารณ์ในกระแสสังคมอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง    ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไปจนเป็นเหตุทำให้มีผลกระทบต่อประชาชนที่คาดหวังที่เฝ้ารอดูว่านโยบายนี้ จะทำได้จริงตามที่หาเสียงไว้หรือไม่

นายกำพล  กล่าวว่านโยบายหาเสียงเชิงประชานิยม   มีทั้งข้อดีและข้อเสียงควบคู่กันไป การที่พรรคการเมืองในอดีตและปัจจุบันได้นำนโยบายต่างๆ  มาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหาคะแนนเสียง ให้ได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง    หากมีการหาเสียงไปในทิศทางการสร้างวาทะกรรม หรือการใช้ช่องว่างทางกฎหมายที่ไม่เหมาะสมล้วนแล้วก่อให้เกิดปัญหา  สร้างร่องรอยความเสียหายให้กับประเทศอย่างใหญ่หลวง   และทำให้เครืองมือที่บังคับใช้เกิดความล้มเหลว   หน่วยงานที่กำกับดูแลจะเกิดความอ่อนแอ  


“จากการติดตามผลของการบังคับใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่พรรคการเมืองต้องชี้แจงที่มา  และแหล่งเงินที่นำมาทำนโยบายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง   แต่พบว่าการเลือกตั้งปี 66 พรรคการเมืองมีการใช้นโยบายหาเสียงเชิงประชานิยมมากกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา     นโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองที่ไร้ความรับผิดชอบ เปรียบเสมืองนโยบายชวนเชื่อ   ที่พยายามจะใช้ช่องว่างของกฎหมาย  สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ   เหมือนในอดีตที่ผ่านมา  ซึ่งทำให้ก่อภาระหนี้ผูกพันของประเทศมาจนถึงปัจจุบันและอนาคตได้” นายกำพล กล่าว

ด้านนายเชษฐา ทรัพย์เย็น  อนุ กมธ. ชี้แจงว่าประเด็นเรื่องความชอบธรรมในการออกนโยบายประชานิยม   อาจะเป็นการละเมิดหลักการประชาธิปไตยหรือไม่ เพราะเป็นการเอาเสียงข้างมากมากดเสียงข้างน้อย และเป็นการเอาผลประโยชน์ของประชาชนและกับคะแนนเสียงทางการเมืองหรือไม่  ประเด็นเรื่องความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ เนื่องจากการใช้งบประมาณจำนวนมาก   เพื่อที่จะแจกจ่ายเงินไปถึงมือประชาชนนั้น  อาจจะทำให้ประเทศเกิดปัญหาหนี้สินอย่างมหาศาลตามมา   ถ้าการดำเนินการไม่เป็นไปตามความรอบคอบและรัดกุม  ประเด็นเรื่องความยั่งยืนแก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวอย่างแท้จริง    พราะเป็นการแก้ปัญหาแบบหว่านแห   ไม่ได้มุ่งไปที่กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง

“ในทางเศรษฐศาสตร์ การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต  อาจจะไม่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ  เพราะการแจกเงินให้ทุกคนเท่ากัน ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง และการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต   อาจจะไม่คุ้มค่า หากเปรียบกับการทำเงินไปใช้กับโครงการอื่น เช่น  การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน  ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมถึงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต  อาจจะส่งผลต่อความยั่งยืนทางการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว   เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมากมาทำโครงการในระยะสั้น” นายเชษฐา กล่าว


จากนั้นเปิดให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น  โดยว่าที่ร้อยตรีวงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี สว. อภิปรายว่านโยบายของพรรคการเมืองมีผลต่อปากท้องของประชาชน  เพราะประชาชนทำมาหากินภายใต้นโยบายรัฐบาล ส่วนนโยบายที่มุ่งไปที่รัฐสวัสดิการนั้น   ตนเห็นด้วย แต่ต้องดูว่ารัฐบาลทำตามหน้าที่หรือไม่  ผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่    กมธ.ต้องกล้านำเสนอ เพราะไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งสมัยหน้าจะมีปัญหา เนื่องจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา   มีพรรคการเมืองหนึ่งบอกว่าจะให้ 2 หมื่นบาทจะทำอย่างไร   เพราะวันนี้แค่ 1 หมื่นบาท ก็ยังทำไม่ได้   แต่ได้คะแนนเสียงจากประชาชนมาแล้วเพราะความอยากได้ หรือที่เสนอไว้ค่าแรง 600 บาทต่อวัน ก็ไม่ได้

ด้านนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน   สว. อภิปรายว่าดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย  ที่เป็นแกนนำรัฐบาล ที่หาเสียงไว้อย่าง แต่ปฏิบัติอีกอย่าง  โดยหาเสียงว่าเงิน 5.6 แสนล้านบาท ให้คนละ 1 หมื่นบาททุกคน  โดยไม่ต้องกู้ แต่เวลาแถลงนโยบาย ก็บอกเงินไม่มี  ต้องกู้ และแจกไม่ทุกคน

“อย่างนี้ถือว่าหาเสียงอีกอย่าง  ทำอีกอย่าง  หลอกลวงเพื่อคะแนนิยม ทำให้ประชาชนหลงผิด   และหากรัฐบาลต้องกู้เงิน 5.6 แสนล้านบาท   จะมีผลกระทบที่ตามมาคือต้องจ่ายเงินต้นเพิ่มอีกปีละ 1.24 แสนล้านบาท จากที่ต้องจ่ายทุกปีละ 1.3 แสนล้านบาท ดอกเบี้ยจากที่ต้องจ่ายปี 67  ตั้งไว้ 2.3 แสนล้านบาท  หากกู้เราต้องจ่ายเพิ่มอีก จะทำให้เราต้องจ่ายทั้งต้นและดอกรวมแล้วปีละ 4.8 แสนล้านบาท    จากงบประมาณที่ตั้งไว้ 3.48 ล้านบาท  ซึ่งจะกระทบต่อการบริหารหนี้  จึงสงสัยว่าการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตกลงแล้วรัฐบาลจะเอาเงินจากตรงไหน จะกู้หรือเงินจากงบประมาณและจะยกเลิกหรือไม่ เพราะการเอาเงินบาทไปแลกเหรียญดิจิทัล  และเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินบาท ก็เสียค่าธรรมเนียมอีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท   บริษัทไหน พรรคการเมืองไหนจะได้ประโยชน์ ดังนั้นโครงการนี้ต้องคิดให้รอบครอบ เพราะสิ่งที่พรรคการเมืองทำก็คิดแค่ประโยชน์ของพรรคและกลุ่มทุนเท่านั้น” นายเฉลิมชัย กล่าว

ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธาน  กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ชี้แจงว่า  มีหลายครั้งที่เสนอไปแล้ว มักจะถูกถ่วงติงจากฝ่ายการเมืองว่าเราไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง เสนออะไรไปก็คงจะรู้ไม่จริง  ต้องเรียนว่าในการทำรายงานฉบับนี้    ซึ่งตนเป็นประธานนั้น ตนเคยลงเลือกตั้ง สส.มาแล้ว  เคยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมาแล้ว และเคยลงเลือกตั้ง สว.ที่เลือกตั้งจากประชาชนโดยตรงมาแล้ว   ฉะนั้นคงมีประสบการณ์มาบ้างเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ในข้อเสนอของ กมธ.ที่เสนอมานี้เห็นว่านโยบายหาเสียงที่ผ่านมาเป็นปัญหากับบ้านเมืองและเป็นอันตราย   โดยในนโยบายที่หาเสียงกันช่วงก่อนๆ  ไม่ได้มีกติกาอะไรกันมาก  มีการหาเสียงกันแบบใช้งบประมาณจำนวนมากที่กระทบกับการเงินการคลัง หลายเรื่องทำไม่ได้   บางเรื่องก็ทำได้ แต่ใช้เงินเยอะ ดังนั้นสังเกตได้ว่าในรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 ไม่ได้กำหนดกติกาที่เคร่งครัดกับการกำหนดนโยบายหาเสียง   จนกระทั่งรัฐธรรมนูญปี 60  เห็นปัญหาในเรื่องเหล่านี้   จึงได้บัญญัติไว้ในมาตรา 258 หมวด ก (3)  ที่ให้ความสำคัญว่านโยบายต่างๆ ต้องมีกลไกกำหนดความรับผิดชอบของพรรคการเมือง การประกาศโฆษณา   นโยบายที่ต้องวิเคราะห์ผลกระทบ   ความคุ้มค่า  ความเสี่ยงรอบด้าน โดยการกำหนดกติกานี้ไว้เพื่อไม่ให้เกิดแนวนโยบายหาเสียงประชานิยม   และมีผลกระทบต่อการเงินการคลังของประเทศ    แต่ในที่สุดยังไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ กลายเป็นเรื่องของการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ได้คะแนนเสียง

นายเสรี ยังกล่าวว่า การเลือกตั้งแต่ละครั้ง กลยุทธ์หรือวิธีการต่างๆ ก็ถูกนำมาเสนอเพื่อให้ได้คะแนนเสียงจากประชาชน  จะเห็นได้ว่ามีกฎหมายกำหนดแนวทางไว้ในการห้ามการกระทำบางอย่างเพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบ  เสียเปรียบ เช่น กฎหมายเลือกตั้ง  สส.  ระบุว่าในการหาเสียงนั้นห้ามสัญญาว่าจะให้  เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น แต่เมื่อนักการเมืองหาเสียงแล้วไปสัญญาว่าจะให้ ตัวอย่างคือการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต   ซึ่งเป็นการแจกเงินจำนวนมากงบประมาณถึง 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ กกต.ที่ต้องตรวจสอบ กำหนดแนวทางวิธีการไม่ให้มีการทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น  แต่ต้องยอมรับว่า กกต. บอกว่าเป็นนโยบายสามารถทำได้  ปัญหาก็กลับมาที่ กกต.อีก   หาก กกต.บอกว่าทำไม่ได้ หมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย  กระทบการเงินการคลัง   นโยบายนี้มีปัญหากับการเลือกตั้ง พรรคการเมืองเขาก็จะไม่นำมาใช้  แต่ปรากฏว่ากกต.ไปวางกฎเกณฑ์ไว้แบบนี้   เมื่อ กกต.บอกว่าทำได้  แต่ถูกเสียงคัดค้านมากมายว่ามีปัญหา   อาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้นได้อีก กกต.จึงขาดความน่าเชื่อถือ

“ปัญหาคือเมื่อ กกต.ขาดความน่าเชื่อถือ ก็ไปบอกว่าเลือกคนเหล่านี้ไปเป็น กกต.ได้อย่างไร ขาดความกล้าหาญ   ไม่เด็ดขาด ไม่กล้าวางแนวที่ถูกต้องเพื่อให้พรรคการเมือง   หรือนักการเมืองปฏิบัติได้   แต่จะไปโทษ กกต.อย่างเดียวไม่ได้   ต้องโทษคนเลือก  กกต.ที่มาจากวุฒิสภาว่าไปเลือกอย่างนี้มาได้อย่างไร   วุฒิสภาบอกว่าเลือก  เพราะกรรมการสรรหา เขาเลือกมาให้แล้ว   จะทำอย่างไรได้ ตัวเลือกมีแค่นี้ สว.ก็ต้องเลือกแค่นี้    ความรับผิดชอบก็ไปที่กรรมการสรรหาอีก ไปๆ มาๆ  หาคนรับผิดชอบไม่ได้   บ้านเมืองนี้ก็ต้องโยนกันไป โยนกันมา ในที่สุดแล้วการเมืองบ้านเราจะไม่พัฒนาอย่างที่เราต้องการ  การเมืองที่มีการกระทำผิดต่อกฎหมายเกิดขึ้นตลอดเวลา  การเลือกตั้งที่บอกว่าต้องสุจริตและเที่ยงธรรม ต้องหาคนดีมาเป็นตัวแทนประชาชน  คนไม่ดีเหยียบบันไดสภาฯไม่ได้   ดังนั้นคงต้องรอให้ กกต.พ้นหน้าที่กันไป   หรือ กกต.อาจจะต้องรับผิดชอบในทางกฎหมาย    ขึ้นอยู่กับการกระทำที่ทำไปแล้ว แต่ผลที่ออกมาความเสียหายเกิดขึ้น เราได้นักการเมือง   เราได้ สส.ที่ทำผิดกฎหมายมากมาย เข้ามาอยู่ในสภาฯ ผมก็พยายามพูดเสมอว่าการเมืองไทยแปลก   เราเลือกตั้งได้คนทำผิดกฎหมายมามากมาย   แต่คนทำผิดกฎหมายมาออกกฎหมาย   บังคับประชาชน  ก็เป็นเรื่องแปลกที่เราปล่อยให้คนทำผิดกฎหมายมาออกกฎหมาย   ดังนั้น ในยุคต่อๆไปหวังว่า การเมืองที่ใช้นโยบายประชานิยมเปลี่ยนเป็นนโยบายกระแสนิยม    ถ้าเปลี่ยนได้ก็สามารถทำให้การใช้งบประมาณไม่กระทบกับประเทศ”นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวด้วยว่า ทาง กมธ.ขอรับข้อเสนอมาปรับปรุงแก้ไขและหากที่ประชุมวุฒิสภาไม่ขัดข้องกับรายงานฉบับนี้    ขอให้ประธานวุฒิสภาส่งรายงานไปให้รัฐบาล ศาลรัฐธรรมนูญ  ศาลยุติธรรม  แผนกคดีเลือกตั้งทุกชั้นศาล  กกต. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (ส.ต.ง.)   และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)   เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการช่วยหลายฝ่าย เพื่อให้รายงานฉบับนี้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเมืองให้เป็นการเมืองที่สร้างสรรค์บ้านเมืองให้ดีขึ้นได้  ทั้งนี้หลังสมาชิกแสดงความคิดเห้นเสร็จสิ้น ที่ประชุมวุฒิสภา เห็นชอบกับรายงานฉบับนี้ เพื่อส่งให้รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ รับทราบ.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

เจอแล้ว! เจ้าของเงิน 12 ล้าน ซุกกล่องทิ้งหน้าลิฟต์คอนโดฯ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – โผล่แล้ว! “ทวีวัฒน์” เจ้าของเงินสด 12 ล้านบาท ซุกกล่องพลาสติก ทิ้งหน้าลิฟต์คอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี อ้างเป็นเงินเก็บตั้งแต่สมัยเป็นทนายความ ที่ห้องพักน้ำรั่ว จึงเก็บของมาทิ้ง ลืมว่ามีเงินเก็บไว้ในกล่อง เมื่อเวลา 19.00 น. วันนี้ (6 มิ.ย.68) พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.1 ได้เชิญตัวนายทวีวัฒน์ เจ้าของเงิน 12 ล้านบาท ซุกกล่องพลาสติก ทิ้งหน้าลิฟต์คอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี มาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม เบื้องต้น พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ เผยว่า นายทวีวัฒน์ อ้างว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตน ตั้งแต่สมัยเป็นทนายความ ส่วนสาเหตุที่นำมาทิ้ง เนื่องจากน้ำรั่วภายในห้องพัก จึงเก็บข้าวของในห้องที่ถูกน้ำท่วมมาทิ้ง โดยลืมว่ามีเงินเก็บไว้อยู่ในกล่อง พอทราบเรื่องก็เลยมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของเงิน พร้อมให้ตรวจสอบเงินจำนวนดังกล่าว อ้างมีหลักฐานยืนยันว่า เงินดังกล่าวได้มาตั้งแต่ปี 2563 ก่อนมารับตำแหน่งคณะอนุกรรมการ กสทช. […]

โซเชียลแห่ติด #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

6 มิ.ย. – ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด มีการส่งกำลังใจให้ผู้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ ด้วยแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ที่กำลังร้อนแรงในโลกโซเซียลขณะนี้ หลัง “กองทัพบก Royal Thai Army” เชิญชวนคนไทยติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เพื่อให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติงานปกป้องประเทศชาติ บทเพลงต่างๆ ที่สื่อถึงความรักประเทศไทย ก็ถูกนำมาโพสต์ลงโซเซียลในช่วงนี้เช่นกัน หรือจะเป็นกระแสหกเดือนหก ที่นักช้อปออนไลน์รู้จักกันดี ทางกองทัพก็สามารถนำมาโยง ให้เห็นถึงความพร้อมของกำลังพล อย่างกองทัพอากาศ โพสต์ภาพ ทหารติดระเบิดบนเครื่องบินรบ นามเรียกขาน “Lightning” พร้อมบรรยายด้วยข้อความ สั่งวันนี้ • ส่งทันที • ถึงที่หมาย แสดงถึงการพร้อมขึ้นปฏิบัติการสายฟ้าฟาด ปกป้องอธิปไตย พร้อมกันนี้ มีการติด #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ด้วย เช่นเดียวกับ เพจกองทัพบก โพสต์ภาพทหารโดดร่ม พร้อมข้อความ Army ส่งด่วน และ #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ไม่เพียงแต่เหล่าทัพที่จุดกระแสรักชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ประกาศจุดยืน ปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติ พร้อมบังคับใช้กฎหมาย และสนับสนุนการปฏิบัติทางยุทธการ พิทักษ์พื้นที่ชายแดน […]

สมช.ตั้ง คกก.เฉพาะกิจ แก้ปัญหามั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- สมช. ตั้ง คกก.เฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มอบ “กองทัพ” ประสานการปฏิบัติ พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์-ปกป้องอธิปไตย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ออกเอกสารข่าว ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2568 โดยที่ประชุม สมช. ได้รับทราบพัฒนาการของสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมฯ ได้เตรียมพร้อมการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมและประชาชน รวมถึงนานาชาติ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ โดยให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำหน้าที่ติดตาม ประสานงาน และเสนอแนะมาตรการเพิ่มเติม หากฝ่ายกัมพูชามีการยกระดับปัญหา ในการนี้ มอบหมายให้กองทัพประสานการปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องอธิปไตยและการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ จะดำเนินการโดยสอดคล้องกับแนวทางการเจรจาใน JBC ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]