ทำเนียบรัฐบาล 25 ม.ค.-ไทย – เยอรมนี เดินหน้าความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ผลักดันความร่วมมือ โดยเฉพาะเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับกับนายฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีเยอรมนีร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเชิญประธานาธิบดีเยอรมนีและภริยา ไปยังห้องสีม่วงเพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี และเชิญประธานาธิบดีเยอรมนีไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน และร่วมหารือกลุ่มเล็ก ณ ห้องสีงาช้างด้านใน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับประธานาธิบดีเยอรมนี ในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเยือนไทยในระดับประธานาธิบดีของเยอรมนี ในรอบ 22 ปี เป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้หารือแนวทางเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกัน สู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ต่อไป
ประธานาธิบดีเยอรมนี กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ให้ต้อนรับอย่างอบอุ่น การเยือนไทยครั้งนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับทั้งสองประเทศ ในการหารือแนวทางยกระดับความร่วมมือระหว่างกันที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งรวมถึงความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ โดยประเทศไทยถือเป็น 1 ในประเทศเป้าหมายที่ภาคเอกชนเยอรมนีให้ความสนใจ ด้วยเสถียรภาพทางการเมืองและการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของไทย นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเยอรมนีต้องการมีความร่วมมือกับไทยมากขึ้นในด้านแรงงาน โดยจะทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
โอกาสนี้ทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ โดยเห็นพ้องกันว่าไทยและเยอรมนียังมีศักยภาพเพิ่มพูนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านการลงทุน ซึ่งภาคเอกชนเยอรมนีลงทุนในไทยเป็นจำนวนมากและให้ความสนใจขยายการลงทุนเพิ่ม นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนภาคเอกชนเยอรมนีเข้ามาลงทุนโดยเฉพาะในโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อสร้างโอกาส ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการขนส่งของภูมิภาค นอกจากนี้ ไทยพร้อมขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญร่วมกับเยอรมนี โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง
ด้านภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจควบคู่กับสิ่งแวดล้อม และพร้อมมีความร่วมมือกับเยอรมนีอย่างใกล้ชิดในด้านพลังงานสะอาด และยินดีที่ประธานาธิบดีเยอรมนีจะไปเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำไฮบริด ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งประธานาธิบดีเยอรมนี ให้ความสำคัญต่อประเด็นดังกล่าวเช่นกัน และพร้อมร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด
ด้านการท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ระดับประชาชน นายกรัฐมนตรียินดีที่ไทยและเยอรมนีมีความร่วมมือในระดับประชาชนที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเป็นกลุ่มที่มานักท่องเที่ยวในไทยมากที่สุดในสหภาพยุโรป ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวไทยก็นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเยอรมนีเช่นกัน โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อหาแนวทางส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น
ส่วนความร่วมมือในกรอบสหภาพยุโรป (EU) นายกรัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนจากเยอรมนีในการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งประธานาธิบดีเยอรมนี พร้อมสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถบรรลุการเจรจาดังกล่าว ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญสนับสนุนการค้าทวิภาคีระหว่างกัน พร้อมยกระดับห่วงโซ่อุปทานระหว่างภาคเอกชนทั้งสองประเทศ เข้าสู่ตลาดสหภาพยุโรป
โอกาสนี้ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำจุดยืนของไทยในการเป็นกลาง และสนับสนุนการหาทางออกในความขัดแย้งร่วมกันโดยสันติวิธี.- 314 .-สำนักข่าวไทย