กกต. 19 ม.ค.-“ทนายอั๋น” ยื่น กกต. เสนอศาล รธน. ยุบพรรคภูมิใจไทย ปม “ศักดิ์สยาม” ถือหุ้นบุรีเจริญฯ พร้อมเตรียมร้องดีเอสไอตรวจสอบเส้นทางการเงิน หจก.
นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น เข้ายื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 3 มี.ค.66 จากกรณีนายศักดิ์สยาม ยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและเป็นผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น และให้พิจารณาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย ตามบทบัญญัติของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 90(2) และมาตรา 92(3)
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า จากกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการถือของหุ้นของนายศักดิ์สยาม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย โดยผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันประชาชนทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคู่ความ ตนเห็นว่ามีประเด็นที่ต้องมายื่นต่อ กกต. เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคำวินิจฉันเรื่องดังกล่าว ที่มีนัยสำคัญว่านายศักดิ์สยาม มีหุ้นของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่นนั้น ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ นั่นหมายความว่า นายศักดิ์สยามมีความเป็นเจ้าของของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญฯ และในขณะที่นายศักดิ์สยามเป็นเจ้าของ หจก.ดังกล่าวอยู่นั้น หจก.นี้ได้รับงานทำถนนสร้างถนนหลวงมูลค่าหลายพันล้านบาท ซึ่งในขณะนั้นนายศักดิ์สยามมีความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
จึงมีข้อสงสัยว่าเงินดังกล่าวอาจจะเป็นการได้งาน ได้เงินมาจากการฮั้วประมูลหรือไม่ ซึ่งงานและเงินที่ได้จากการฮั้วประมูลนั้น ถือเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเงินนี้เอาไปบริจาคให้พรรคภูมิใจไทย อีกทั้งพรรคเองก็รับเอาเงินบริจาคที่ถือเป็นเงินไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงอาจจะขัดต่อมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560
นายภัทรพงศ์ ยังกล่าวว่า ไม่ต้องห่วงในคดีหลัก ซึ่งเปิดช่องให้ยื่นตรวจสอบ และเร็วๆ นี้ตนจะเดินทางไปยื่นหนังสื่อต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่าเริ่มมาจากจุดไหน โดยเริ่มจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ไปแตะข้อเท็จจริงเรื่องเงินของ หจก.บุรีเจริญฯ อาจได้มาซึ่งการฮั้วประมูล ซึ่งการฮั้วประมูลมีความผิดทางกฎหมายในทางอาญาที่มีโทษสูง “ตนอยากให้ตรวจสอบเงิน หจก.ดังกล่าว ที่มีนายศักดิ์สยามเป็นเจ้าของตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ได้นำเงินไปแจกจ่ายถ่ายเทไปยัง สส.ของพรรคภูมิใจไทยคนไหนหรือไม่ด้วย ซึ่งไม่ห่วง ถ้าผิดจริงโทษอาญารออยู่อีก”นายภัทรพงศ์ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย