รัฐสภา 11 ม.ค.- คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ รับทราบรายงานปัญหาการเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ และเตรียมทำหนังสือถึงรัฐบาล เพื่อให้ดำเนินการประสานมาเลเซีย เปิดทั้งด่านเก่าและใหม่ควบคู่กันไปสร้างรายได้เข้าประเทศ
นายปิยรัฐ จงเทพ โฆษกคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และคณะ แถลงผลการประชุมซึ่งได้พิจารณาติดตามความคืบหน้าและการแก้ไขปัญหาข้อกังวลจากการเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล สำหรับปัญหาดังกล่าวเริ่มจากการร้องเรียนของภาคธุรกิจในพื้นที่ชุมชนบ้านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ด้วยความกังวลต่อข่าวการปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งเก่า ที่แต่เดิมชุมชนมีแหล่งรายได้หลักจากการค้าชายแดน ซึ่งผู้ผ่านแดนจะต้องผ่านชุมชนบ้านด่านนอกก่อนถึงด่านศุลกากรสะเดาแห่งเก่า เพื่อจะข้ามแดนสู่ประเทศมาเลเซีย หากมีการเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ที่เชื่อมต่อโดยมอเตอร์เวย์สายใหม่ ประกอบกับการปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งเก่า จะทำให้ชุมชนบ้านด่านนอกสูญเสียความสามารถในการสร้างรายได้มหาศาล อีกทั้งยังเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจชายแดนของประเทศไทย
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงถึงความพยายามในการเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ว่า เพื่อลดความแออัดและเพิ่มศักยภาพการผ่านแดน อันเป็นการเพิ่มรายได้เข้าประเทศ โดยทางกรมศุลกากรมีความตั้งใจที่ดีและเล็งเห็นปัญหากรณีการปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งเก่า จึงเตรียมความพร้อมและร้องของบประมาณและกรอบอัตรากำลังพลเพิ่มเติม เพื่อรองรับการเปิดด่านศุลกากรทั้ง 2 แห่งควบคู่กันไป แต่ยังพบข้อจำกัดอันเนื่องมาจากการเจรจากับประเทศมาเลเซียที่ยังไม่ได้รับความชัดเจน และยังไม่ได้ข้อสรุปใน 2 ประเด็น คือ ประเด็นปัญหาการเชื่อมต่อกับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ เนื่องจากความไม่พร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานจากทางฝั่งมาเลเซีย และประเด็นที่ทางการมาเลเซียยืนยันว่าหากมีการเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่แล้วทางการมาเลเซียจะมีการปิดด่านศุลกากรแห่งเก่าด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง
หลังจากการซักถามและพิจารณาถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนในพื้นที่และประเทศไทยแล้ว คณะ กมธ. ได้มีมติ ดังนี้
- คณะ กมธ. เห็นว่ารัฐบาลไทยจำเป็นต้องเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียด้วยจุดยืนที่ชัดเจนถึงความจำเป็นต้องให้มีการดำเนินการเปิดด่านศุลกากรสะเดาทั้ง 2 แห่งควบคู่กันไป และการปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งเก่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจต่อประชาชนในพื้นที่และประเทศไทยอย่างมหาศาล
- คณะ กมธ. จะจัดทำหนังสือว่าด้วยข้อเสนอแนะต่อปัญหาดังกล่าวถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้รับผิดชอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
- คณะ กมธ. จะร่วมติดตามเรื่องนี้ต่อไปใน 2 ประเด็น คือ ประเด็นความเป็นมาของการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ที่แม้จะก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 แต่ปราศจากเส้นทางเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมาเลเซีย และประเด็นว่าด้วยผลการเจรจาเพื่อความร่วมมือชายแดน ณ ด่านศุลกากรสะเดาระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ คณะ กมธ. มีความตั้งใจที่จะลงพื้นที่เพื่อติดตามปัญหาว่าด้วยความมั่นคงแห่งรัฐและกิจการชายแดนตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซียในจุดอื่น ๆ ก่อนจะเข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับทางการมาเลเซียในโอกาสต่อไป . 314 .-สำนักข่าวไทย