ร้อยเอ็ดคึกคัก! “เศรษฐา-แพทองธาร” Kick off “30 บาท รักษาทุกที่”

ร้อยเอ็ด 7 ม.ค. – ร้อยเอ็ดคึกคัก! “เศรษฐา-แพทองธาร” Kick off “30 บาท รักษาทุกที่” ประชาชนนับหมื่นคนแห่ร่วมงาน “อุ๊งอิ๊ง” ทักทายภาษาอีสาน บอกจุดกำเนิดเริ่มจาก “รัฐบาลทักษิณ” 22 ปีก่อน ท่ามกลางข้อครหา-เจอวาทกรรมแง่ร้ายมากมาย มาวันนี้ “รัฐบาลเศรษฐา” เดินหน้าต่อยอด “นายกฯ” หวังเป็นโยบายช่วยคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ


ที่ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 จ.ร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะรัฐมนตรี รวมถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ร่วมพิธีเปิดกิจกรรม Kick off “30 บาท รักษาทุกที่” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักของรัฐบาล

ทันทีที่นายกรัฐมนตรี และคณะ ถึงบริเวณงานหน้าหอโหวด 101 มีหัวหน้าส่วนราช รวมถึง สส.ในพื้นที่ และประชาชนชาวร้อยเอ็ด กว่าหมื่นคน รอต้อนรับ พร้อมชมว่าเสื้อที่นายกฯ ใส่สวยมาก ก่อนที่นายกฯ จะได้กล่าวขอบคุณพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้


นอกจากนี้ประชาชนต่างร่วมกับชู “บัตรประชาชนจำลอง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์โครงการ “30 บาท รักษาทุกที่” จากนั้นนายกฯ ได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมงานด้วยท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับร่วมถ่ายรูปเซลฟี่กับประชาชน โดยช่วงหนึ่งได้ถ่ายรูปกับชาวบ้าน โดยมี น.ส.แพทองธาร เป็นช่างภาพให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะไปถ่ายรูปร่วมกัน ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น

จากนั้นนายกฯ ได้ชมนิทรรศการ “ประชาชนได้อะไรจากนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” พร้อมรับชมการแสดงชุด Amazing ร้อยเอ็ด นโยบายดีๆ เพื่อคนไทย และ VTR “นโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่”

น.ส.แพทองธาร กล่าวทักทายด้วยภาษาอีสานว่า “ขอบคุณหลายๆ ที่มากันคักขนาด” จากนั้นกล่าวรายงานความคืบหน้าและที่มาที่ไปโครงการว่า ยินดีที่ได้มาสื่อสารข้อความที่รัฐบาลกำลังทำต่อยอดจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องคนไทยมาตลอด 22 ปี วันนี้จะเป็น 1 วันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะระบบสาธารณสุขไทยจะได้รับการยกระดับให้ทันสมัยขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีรวบรวมข้อมูลเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้ระบบสาธารณสุขดีขึ้นเรื่อยๆ และให้พี่น้องประชาชนได้รับการบริการที่ดีขึ้น มีคุณภาพมากขึ้นเข้าถึงง่ายขึ้น


ทั้งนี้ 30 บาทรักษาทุกโรค มีมานานกว่า 22 ปี วันนั้นเราสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ให้เป็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยมีระบบมากขึ้น นอกจากรักษาฟรี ยังบริการดีทั่วถึงและทันสมัยมากขึ้น

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า วันนั้นมีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลได้เพียง 2 เดือน ก็เริ่มมีจังหวัดนำร่องในการทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทยอยทำจนครบทั่วทั้งประเทศ วันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน 7 มกราคม 2567 ถือเป็นวันเริ่มต้นนโยบาย โดยนำร่อง 4 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรี นราธิวาส และร้อยเอ็ด ซึ่งจังหวัดอื่นรอไม่นานจะครอบคลุมทุกประเทศ

“เราจะไม่ต้องรอ เสียเวลาวุ่นวายที่โรงพยาบาล ไปหาโรงพยาบาลตามทะเบียนบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาทั้งวันเพื่อไปรอ ไม่ต้องรอรับยานานเกินไปตรวจเลือดซักประวัติก่อนพบหมอ สามารถทำได้เลยในสถานีอนามัย หรือคลินิกใกล้บ้านที่เป็นเครือข่าย สปสช. และในบางกรณีไม่ต้องมาโรงพยาบาล สามารถใช้ telemedicine พูดคุยกับคุณหมอผ่านทางออนไลน์ และเมื่อเรารับยาไปสามารถปรึกษากับเภสัชผ่านออนไลน์เห็นหน้าพูดคุยได้ด้วย สามารถทำนัดออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม”

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายนี้จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของพี่น้องได้ไปตลอดกาลเหมือนที่ 30 บาทรักษาทุกโรคเคยทำมาแล้ว 22 ปีที่แล้วเราเริ่มที่ 8 เมษายน วันนี้เราเริ่มที่ 7 มกราคม เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้นโยบายของเราสามารถพัฒนาอย่างแข็งแรงขึ้น และแน่นอนว่ารัฐบาลจะสานต่อโครงการที่ดีมากๆ อยู่แล้วให้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ตามยุคตามสมัยเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ขอขอบคุณผู้ที่ผลักดันและสร้าง 30 บาทรักษาทุกโรค ทั้ง นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และการผลักดันของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ประเทศไทยมีโครงสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดี ถ้าไม่มีโครงการ 30 บาทในวันนั้น วันนี้เราคงทำงานได้ยากกว่า แม้ในตอนนั้นจะมีหลายครหาที่ไม่เข้าใจ มีวาทกรรมในแง่ร้ายมากมาย วันนี้ทุกท่านให้เห็นแล้วว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ได้เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้นจริงๆ นั่นแปลว่านโยบายที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ วันนี้รัฐบาลกลับมารับไม้ต่อ ทำให้ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ เราจะไม่หยุดพัฒนานโยบายที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดกิจกรรม Kick off “30 บาท รักษาทุกที่” ว่าสวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ผมเศรษฐาเด้อ สบายดีบ่ ตนรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีที่ได้มาเปิดงานนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ในวันนี้ ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน วิชาชีพต่างๆ ประชาชน รวมทั้ง อสม. ในทุกจังหวัดนำร่องที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทุกฝ่ายช่วยกันผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จเป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เป็นการยกระดับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับการรักษาในทุกเครือข่ายทางลัด และเอกชนเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่ตนได้แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนทุกกลุ่มในทุกพื้นที่ และเป็นนโยบายเน้นหลักของกระทรวงสาธารณสุข ผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยงานทุกระดับทุกสังกัด ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย

นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เราได้ยกระดับหน่วยบริการให้เป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการจัดบริการสุขภาพให้แก่ประชาชน เช่น ประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล การสั่งยาออนไลน์ การนัดหมายออนไลน์ เป็นต้น

“เพราะเราเห็นถึงความสำคัญของเวลาและคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน จึงนำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับการบริการสุขภาพดิจิทัล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดระยะเวลาการรอคอย และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชน ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว จะช่วยให้คนไทยทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพได้ทุกที่ให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีพลังในการดำเนินชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป” นายกฯ กล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้ถ่ายรูปหมู่กับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งถือเป็นการเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที.-313-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

พบสารก่อมะเร็ง จากเหตุไฟไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ฉลองกรุง

กรุงเทพฯ 13 พ.ค. – พบสารพิษบางตัวเป็นสารก่อมะเร็ง จากเหตุเพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ย่านฉลองกรุง 55 แนะผู้สูดดมไปตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กแจ๊ส” เผยไม่สนใจ-ไม่ให้ค่า ชี้มีหลาย “J”

13 พ.ค. – หลัง “สส.ฟลุ๊ค มนัสนันท์” จากพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความเดือดทางเฟซบุ๊ก “กูไม่กลัวมึง ไอ้ J” ล่าสุด “บิ๊กแจ๊ส” ออกมายืนยันไม่สนใจ พร้อมระบุลูกชายตนสอนมาดี รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ก้าวร้าว ความคืบหน้าประเด็นร้อนการเมืองท้องถิ่น จ.ปทุมธานี หลังเพิ่งผ่านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี 2568 เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่คล้อยหลังเพียง 1 วัน สส.พรรคใหญ่ในพื้นที่ปทุมธานี คือ นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ หรือ ฟลุ๊ค สส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย ลูกชายนายกฤษดา หลีนวรัตน์ เคลื่อนไหวทางเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยบางโพสต์มีความเกี่ยวข้องกับการจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และบางโพสต์ได้ท้าทายว่าไม่กลัวบุคคลอักษรเจ (J) วันนี้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เปิดใจกับทีมข่าวสำนักข่าวไทย ระบุว่า อย่าไปให้ค่า ตัวเจ (J ) […]

แจ้งข้อหาซ่องโจร “สจ.กอล์ฟ” และพวก เพิ่มอีก 1 ข้อหา

สงขลา 13 พ.ค. – ตำรวจแจ้งข้อหา “ซ่องโจร” เพิ่มอีก 1 ข้อหา แก๊ง “สจ.กอล์ฟ” คดีรุมทำร้ายตำรวจหน้าหน่วยเลือกตั้งตำบลพะวง จ.สงขลา เตรียมนำตัวส่งศาลวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) ญาติขอค้านประกันตัว หวั่นอิทธิพล คดีนายสิรดนัย หรือ สจ.กอล์ฟ สจ.เขต 7 จ.สงขลา สั่งการให้ลูกน้องไปรุมทำร้ายร่างกาย ด.ต.นิสาธิต คงเทพ ตำรวจ ตชด. ประจำหน่วยเลือกตั้งเทศบาลตำบลพะวง อ.เมือง จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังไม่พอใจถูกห้ามถ่ายรูปในหน่วยเลือกตั้งขณะไปลงคะแนน ก่อนตำรวจรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ และวานนี้ (12 พ.ค.) นายสมยศ หรือ โกถึก สส.เขต 3 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพ่อ นำ สจ.กอล์ฟ เข้ามอบตัว ส่วนลูกน้องอีก 6 คน ถูกจับกุมตัวได้หมดแล้วเช่นกัน […]

“ปชน.” ไม่ขับ “สส.กฤษฎิ์” พ้นพรรค-ตัดสิทธิทุกอย่าง

รัฐสภา 13 พ.ค.- “เท้ง” ประกาศดอง “งูเห่า” ไม่ขับ “สส.กฤษฎิ์” พ้น ปชน.ตามต้องการ ส่งตีความหนังสือเข้าข่ายลาออก พ้น สส.หรือไม่ พร้อมตัดสิทธิทุกอย่างในโควตาพรรค นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงตอบโต้นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ พรรคประชาชน เขต 6 จังหวัดชลบุรี ทำหนังสือ ขอยุติบทบาทภายในพรรคและขอให้พรรคประชาชนขับออก นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่าได้รับฟังเหตุผล ที่น.ส.กฤษฎิ์แถลงต่อข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับการผลักดันนโยบายจึงต้องการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ และอ้างว่าไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรคในการทำกิจกรรมนั้น ยืนยันว่าพรรคได้สนับสนุนการทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด ฝ่ายนโยบายพรรคเคยอนุมัติงบในส่วนกลางเพื่อให้ไปทำกิจกรรมรับฟังความเห็นต่อการพัฒนานโยบายของพื้นที่ศรีราชาตามที่ได้ร้องขอเข้ามา ซึ่งสส. คนอื่นก็ทำงานได้อย่างราบรื่นและได้รับการสนับสนุน และที่บอกว่าการทำงานในคณะกรรมการธิการคมนาคม ไม่ได้รับการสนับสนุนนั้นนับตั้งแต่เริ่มเปิดสภา เราจะให้สส.ทุกคนได้เสนอมาว่าอยากได้ทำงานในกรรมาธิการฯในคณะใด แต่เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้รับการเป็นกรรมาธิการในอันดับหนึ่งที่เลือก แต่น.ส.กฤษฎิ์ก็ได้ตามที่ต้องการและยังได้เป็นรองประธาน อนุกรรมาธิการ ฯ เรื่องงานก่อสร้างท่าเรือ และยังมีมติให้ศึกษาดูงานเพื่อรับฟังปัญหาทางต่าง ๆ จากประชาชนที่อยู่ในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนเรื่องการไม่ได้รับความเคารพเรื่องสภานะทางเพศนั้น นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า […]