ปชป. 7 ม.ค.- “เฉลิมชัย” จัดทัพ สั่ง 5 รองหัวหน้าพรรคแต่ละภาคจัดยุทธศาสตร์ลงพื้นที่เข้าถึง ปชช. มอบ “เดชอิศม์-นริศ” กุมบังเหียนศึกซักฟอก ขณะ “ดร.เอ้” ดูงานประชาสัมพันธ์ “ราเมศ” ยัน ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มที่ หลังถูกตั้งคำถามออมมือหรือไม่ ชี้ ข้อครหาจะร่วมรัฐบาล สร้างความเสียหาย ระบุ จำเป็นต้องพูดคุย “ก้าวไกล” ให้งานฝ่ายค้านราบรื่น
นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่นัดแรก (7 ม.ค.) นานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า ในที่ประชุมมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งการตอบรับการเปลี่ยนแปลงจาก กกต. ซึ่งมีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 40 คน
และที่ประชุมได้สรุปภาพรวมของการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ที่ สส.ได้ทำการอภิปราย โดยกรรมการบริหารพรรคได้ชื่นชมที่ได้ทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่ นี่จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ปชป.ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็งตรงไปตรงมา ติติงมีข้อเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์
ส่วนที่กรรมการบริหารฯ มีการเตรียมการพูดคุยคือในวาระต่อไปของสภา ที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งจะต้องเตรียมในการทำหนัาที่ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ โดยที่ประชุม มอบหมายให้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค และนายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคฯ รับผิดชอบในการดำเนินกิจการทางการเมือง เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคที่จะเริ่มต้นในทันที เพื่อให้ประชาชนได้เห็นแม้จะมีการเปลี่ยน กก.บห.ชุดใหม่แต่ ปชป.มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างเต็มที่ และได้มอบหมายตำแหน่งสำคัญ อย่างรองหัวหน้าพรรคในแต่ละภาค โดยรองภาคทั้ง 5 คน 5 ภาคนั้น จะต้องมีการกำหนดกรอบการทำงานผ่านยุทธศาสตร์ภาค ยุทธศาสตร์จังหวัดเพื่อให้เห็นสภาพข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่ และเพื่อให้เห็นรายละเอียดทั้งหมด แล้วนำมาประกอบการทำงานของพรรค เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองทุกรูปแบบ รวมถึงที่ประชุมยังให้ความสำคัญกับการตั้งตัวแทนสาขาพรรคในทุกจังหวัด เพื่อรุกการทำงานกับตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้มีทุกจังหวัด เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะให้ประชาขน ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับเขตเลือกตั้ง กับสมาชิกของพรรค เพื่อร่วมทำงานเต็มรูปแบบในการดูแลปัญหาของประชาขน เพราะส่วนกลางอาจจะทำงานอย่างละเอียดไม่ได้ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ต้องให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข รวมถึงการร้องเรียนของประชาชนทุกเขตเลือกตั้ง ก็ต้องผ่านกระบวนการสาขาของพรรคด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำควบคู่ไปกับแนวนโยบายของหัวหน้าพรรค ในการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่านกลไกการเข้าร่วมเป็นส่วนร่วมของพรรคการเมือง และจะต้องรณรงค์เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองให้มากที่สุด เพราะเราเป็นสถาบันทางการเมือง รากฐานของปชป.มาจากประชาชน และเพื่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมมากที่สุด
นายราเมศ ยังกล่าวอีกว่า กรรมการบริหารพรรคฯ ได้พูดคุยถึงการรณรงค์ให้ประชาชน ร่วมกันเสียภาษีให้กับพรรคการเมือง โดยปชป.จะทำแคมเปญให้ประชาชนมีส่วนร่วมบริจาคภาษีให้ ปชป. ผ่านรหัส001 เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความเป็นสถาบันทางการเมือง ที่จะต้องทำงานร่วมกับ สส. เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม และมุ่งเน้นการทำงานอย่างมีเอกภาพ ทุกองคาพยพ ทั้ง กก.บห. , สส. , อดีต สส. ,อดีตกก.บห. , สาขาพรรค ตัวแทนประจำจังหวัด และนายเฉลิมชัย ยังได้เน้นย้ำ เรื่องการเปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็น และรับฟังทุกเสียงสะท้อนที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วม โดยเสนอแนะให้ประชาชนเข้ามากำหนดทิศทางในการดำเนินกิจการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ ยังได้ให้ นายสุชัชวี สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ เข้ามาดูเรื่องการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้ทั้ง 77 จังหวัดให้มากที่สุด เพื่อการฟื้นฟูพรรค และเรียกศรัทธาให้กับพรรคได้มากที่สุด
นายราเมศ ยังยืนยันย้ำว่า พรรคเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ผ่าน สภาผู้แทนราษฎร หลังหลายฝ่ายตั้งคำถามเรื่องทำหน้าที่ไม่จริง และออมมือบ้าง แต่การอภิปรายที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ ในส่วนนักโทษที่มีที่พักที่โรงพยาบาลตำรวจ และมีการตั้งงบมานั้น ได้ใช้งบประมาณส่วนไหนอย่างเท่าเทียมกับนักโทษกว่า 2 แสนหรือไม่ เพราะประชาชนคงมาคำถามในเรื่องของการเลือกปฏิบัติ และถือว่ามีพรรคการเมืองเดียวที่พูดเรื่องนี้ด้วย เราเป็นฝ่ายค้านที่หน้าที่อย่างเข้มข้นตรงไปตรงมา เรื่องไหนทำถูกต้องก็ยินดี และหากไม่ถูกต้องก็ต้องท้วงติง
เมื่อถามว่า จะเป็นการตอกย้ำว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายราเมศ ระบุว่า มันเป็นคำถามที่ทุกคนพูดถึงมากเกินไป ซึ่งยืนยันย้ำว่า ปัจจุบันยังทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เป็นอีกกิจกรรมทางการเมือง ที่ชี้ให้เห็นว่า เราเป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และสร้างสรรค์ ส่วนประเด็นอื่นๆ ตนมองว่า เป็นหารกล่าวหาพรรคและพรรคก็เสียหาย ทั้งพรรคมีความไม่ชัดเจน ซึ่งความชัดเจนนั้นได้ผ่านการกระทำและการปฏิบัติ
เมื่อถามว่า ในวันที่ 18 ม.ค.หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการหารือกับผู้นำฝ่ายค้านในประเด็นใดบ้างนั้น นายราเมศ ระบุว่า การเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกัน ถือเป็นเรื่องปกติของการที่ตะพูดคุยกัน และพรรคก้าวไกล ถือว่าเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านที่กำหนดยุทธศาสตร์ และนโยบายพรรค เราก็แสดงความเห็นอยู่หลายครั้ง ไม่ใช่ว่า เป็นฝ่ายค้านแล้วเราจะเห็นด้วยในนโยบายของพรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่ตะเป็นการพูดคุยกลไกในการทำงานร่วมกันภายในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งการจัดสรรเวลา และการจัดสรรข้อมูล ในประเด็นต่างๆ ของการทำงานในสภา ในฐานะที่เป็นฝ่ายค้านร่วมกันจึงมีความจำเป็นต้องพูดคุยเพื่อให้บทบาทของฝ่ายค้านในสภาเป็นอย่างราบรื่น .-316 สำนักข่าวไทย