ซัด งบฯ 67 เป็นฉบับเป็ดง่อย ว่าแต่เขา อิเหนาทำหมด

รัฐสภา 3 ม.ค.- คืนฟอร์มฝ่ายค้าน “จุรินทร์” ซัด งบฯ 67 เป็นฉบับเป็ดง่อย ว่าแต่เขา อิเหนาทำหมด ชี้ เสียเวลาตั้งรัฐบาลเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ทำงบล่าช้า สภาประท้วงวุ่น อภิปรายงบกรมราชทัณฑ์ ออกระเบียบศรีธนญชัย ถาม รบ.ปล่อยนักโทษเข้าคุกทิพย์หรือไม่


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ต่อเนื่องเป็นคนที่ 2 ในฐานะฝ่ายค้าน ว่า แม้ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่งบประมาณปี 67 เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญ ถ้ารัฐบาลเสนอแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ก็ยุบสภา แต่เชื่อว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องระดม สส.พรรคร่วมรัฐบาลมาลงคะแนนให้ครบจนได้ และเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้ จะผ่านความเห็นชอบวาระแรก เพราะรัฐบาลชุดนี้มีเสียงข้างมากโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึง 314 เสียง ถ้าหากไม่ผ่าน นายกฯ ก็คงต้องเลิกใส่ถุงเท้าได้แล้ว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่นายกรัฐมนตรีแถลงเมื่อเช้าทุกอย่างดีหมด แต่ตนขออภิปรายเพื่อทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบ ถ่วงดุล และแสดงความคิดเห็นอภิปรายในภาพรวม โดยงบประมาณนี้เป็นงบประมาณฉบับแรกของรัฐบาลชุดนี้ เกิดจากการนำงบปี 67 ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำมารื้อทำใหม่ทั้งหมด


“ส่งผลให้ปฏิทินงบฯ ล่าช้าไปกว่า 9 เดือน เพราะมัวแต่ตั้งรัฐบาลแบบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ส่งผลให้งบประมาณล่าช้าเหมือนงบประมาณ “เป็ดง่อย” มีเวลาใช้เงินแค่ 5 เดือนจาก 12 เดือน หรือใช้เงินแค่ 40% ประสิทธิภาพในการใช้เงินลดลง โดยเฉพาะงบลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรี พยายามตีปี๊บว่าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ และพยายามเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้างบประมาณแผ่นดินกลายเป็นเป็ดง่อยจะไปกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างไร ทั้งนี้ หลังนายกฯ ให้กลับไปทบทวนงบประมาณ 67 มองว่าไม่มีอะไรใหม่ หลายเรื่องแย่กว่าเดิม

“ประเด็นที่ 1 ขาดดุลเหมือนเดิม และจะขาดดุลต่อไปตลอดอายุรัฐบาล 4 ปีเต็ม ตนไม่ได้มโนไปเอง แต่เพราะอยู่ในแผนการคลังของรัฐบาลชุดนี้ที่คณะรัฐมนตรีมีมติไว้ในว่าจะทำงบประมาณขาดดุลไว้จนจบรัฐบาล ประเด็นที่ 2 งบประมาณของรัฐบาลชุดนี้เพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนลงทุนการกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยกว่าเดิม จาก 21.7% เหลือ 20.6%  และพบว่าเม็ดเงินปี 67 ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 295,000 ล้านบาท ไปเพิ่มในส่วนของงบประจำ แล้วจะไปสนองการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร ประเด็นที่ 3 งบฯกลางดูผิวเผินเหมือนลดลง แต่เป็นงบลวงตาเพราะงบกลาง ภาพรวมในปี 66 มี 18.5% แต่งบ 67 ลดเหลือ 17% เมื่อดูไส้ในงบประมาณสำคัญ คือเงินสำรองจ่ายที่อยู่ในอำนาจของนายกฯ กลับเพิ่มขึ้น ดังนั้น แสดงให้เห็นว่า “ว่าแต่เขาอิเหนาทำหมด” ดังนั้น ขอให้นายกฯ ใช้เงินนี้ให้คุ้มค่า โปร่งใส งบประมาณ จากคิดใหญ่ทำเป็น กลายเป็นคิดกู้ ทำกู้  ประเด็นที่ 4 งบประมาณฉบับนี้จาก”คิดใหญ่ทำเป็น” กลายเป็น “ คิดกู้ทำกู้” เพราะงบประมาณปี 67 ของพลเอกประยุทธ์ ที่ผ่านมา กู้ 5.93 แสนล้านบาท และรัฐบาลนี้ เอาไปรื้อ กู้ใหม่ 6.93 แสนล้านบาท พร้อมตอกกลับว่า พวกท่านเคยวิจารณ์ว่า เป็นนักกู้ มาครั้งนี้เป็น นักกู้ถุงเท้าสีชมพูที่กู้เพิ่มกว่าแสนล้านบาท” นายจุรินทร์ กล่าว


นายจุรินทร์ ยังอภิปรายว่า ที่นายกรัฐมนตรี บอกว่า จะไม่กู้เงินมาใช้ในโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่กลับลำแบบ 360 องศา ที่กู้เงินมาแจกตอบสนองนโยบายหาเสียง ดังนั้น นี่คือเสียงที่คนทั้งประเทศเป็นห่วง รัฐบาลกลัวว่า ถ้าออกเป็นพระราชบัญญัติกลัวว่าผิดกฎหมาย จึงไปถามกฤษฎีกาแต่ยังไม่ตอบกลับมา ทั้งนี้ หากกฤษฎีกาบอกว่าทำไม่ได้ ผิดกฎหมายหรือสุ่มเสี่ยง ขออย่าไปโยนบาปให้กฤษฎีกา เพราะกฤษฎีกาไม่ใช่เจ้าของนโยบายหาเสียง

ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ ฟันธงว่านายกรัฐมนตรี ไม่สามารถใช้หนี้เงินกู้ 500,000 ล้านบาทในโครงการเงินดิจิตอลได้ ภายใน 4 ปี แต่เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีอยู่ครบวาระใช้หนี้ 4 ปี ให้หมด จะได้ไม่มีคำครหาว่ามีนายกฯ 2 คน

ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายจุรินทร์ ระบุ เห็นด้วยว่า รัฐบาลควรทำเรื่องการเมืองควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน จะแยกส่วนทันทีไม่ได้ และเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่แตะหมวด 1 หมวด2

“ขอสนับสนุนที่รัฐบาลประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน แต่ปรากฏว่าเอาเข้าจริงกลายเป็นหนังคนละม้วน เพราะทันทีที่เข้าคณะรัฐมนตรีกลับกลายเป็นการตั้งคณะกรรมการศึกษาแทน จากเร่งด่วน กลายเป็น 4 ปี จากหนังสั้นเป็นหนังยาว ทั้งนี้ การทำประชามติต้องทำอย่างน้อย 3 ครั้ง แล้วงบอยู่ตรงไหน ตั้งไว้เท่าไหร่ หาไม่เจอ จึงขอให้สะท้อนความจริงใจตรงนี้ด้วย”นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ ยังอภิปรายงบประมาณของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ว่ากรมราชทัณฑ์ได้งบ 14,972 หมื่นล้านบาท ซึ่งงบประมาณก้อนนี้เอาไปทำโครงการสำคัญที่สุดคือ โครงการผู้ต้องขังได้รับการควบคุมดูแล ระยะเวลาทำโครงการ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปี 2570 ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 38,979 ล้านบาท เฉพาะงบของปี 67 เป็นเงิน 6,620 ล้านบาท เพื่อยกระดับควบคุมดูแลผู้ต้องขังเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลตามหลักสิทธิมนุษยชนโปร่งใสและไม่เลือกปฏิบัติ สถานที่คือ ทัณฑสถาน และราชทัณฑ์ ที่มีผู้ต้องขังกว่า 280,000 กว่าคน

“ตนจึงตั้งคำถามว่ารัฐบาลชุดนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ใช้งบประมาณ ปี 2566 และ และจัดทำงบในปี 2567 ได้ดำเนินการอย่างโปร่งใสหรือไม่ เลือกปฏิบัติกับผู้ต้องขัง กว่า 280,000 คนหรือไม่ เพราะมีข้อเคลือบแคลงเกิดขึ้นในสังคม ว่าทำไมรัฐบาล ปล่อยให้นักโทษบางคน เข้าคุกทิพย์มาแล้ว กว่า 120 วัน แต่ยังไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว” นายจุรินทร์ กล่าว

จากนั้น นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงทันที ระบุว่า ไม่คิดว่า นายจุรินทร์ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรี จะอภิปรายเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมา ในการทำหน้าที่ ก็ล้มเหลวมาตลอด และยังเป็นเรื่องนอกประเด็น เป็นสไตล์เก่าๆ เหมือนเดิม

“ตนไม่เห็นด้วย และรู้ว่ากำลังจะพูดถึงคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ที่โดนกลั่นแกล้ง ไปอยู่เมืองนอกมา 17 ปี แล้วกลับเข้ามา ซึ่งในการที่ไปอยู่นอกเรือนจำ ก็มีใบอนุญาตจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ชัดเจน”  นายครูมานิตย์ กล่าว พร้อมขอให้ประธานการประชุมสั่งให้ นายจุรินทร์ ถอนคำพูดด้วย

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานการประชุม วินิจฉัยว่า นายจุรินทร์ ยังอภิปรายอยู่ในประเด็น ซึ่งในครูมานิตย์ ก็ยังยืนยันว่า นายจุรินทร์ อภิปรายถึงบุคคลที่อยู่นอกสภา

ต่อมานายชัยชนะ เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงนายครูมานิตย์ว่า ประท้วงส่อเสียดนายจุรินทร์ ไม่คิดว่าสภาอันทรงเกียรติจะมีคำพูดจากสมาชิกผู้ทรงเกียรติแบบนี้  ซึ่งส่วนตัวเคารพครูมานิตย์ จึงอยากให้ถอนคำพูด จนท้ายที่สุดประธานก็สั่งให้ครูมานิตย์ถอนคำพูด ทำให้บรรยากาศการประชุมดำเนินต่อ

จากนั้นนายจุรินทร์ ได้อภิปรายต่อว่า ตนไม่ประสงค์จะเอ่ยชื่อบุคคลใด ขอให้ประธานสบายใจได้ เพราะเคารพกติกาเสมอ คำถามของตนก็คือ ทำไมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้ร่วมรับผิดชอบบริหารโครงการ 3.8 หมื่นล้านบาท ไม่ทำข้อเคลือบแคลงสงสัยให้กระจ่าง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี กลายเป็นตนเห็นท่านสั่งการได้ทุกเรื่อง จนวันนี้กลายเป็นหลงจู๊ประเทศ แต่พอเรื่องคาใจทำไมไม่สั่ง หรือตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อไขข้อสงสัยให้กับคนทั้งประเทศ ซึ่งการใช้งบประมาณของกรมราชทัณฑ์ ที่ออกระเบียบ ว่าด้วยการดำเนินการคุมขัง ในสถานที่คุมขัง 2566 อ้างทำตามคำแนะนำ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และการใช้งบส่อไปในทางไม่ชอบหรือไม่

“การออกระเบียบดังกล่าว เป็นระเบียบแบบศรีธนญชัย เพราะแทนที่จะแยกผู้ต้องขังออกจากนักโทษเด็ดขาด กลับกลายเป็นว่าไปแยกผู้ต้องขังเด็ดขาดออกเป็นสองมาตรฐาน โดยมาตรฐานที่ 1 ติดคุกที่เรือนจำ และมาตรฐานที่ 2 ติดคุกที่บ้านได้ ใช้เพียงอำนาจของคณะกรรมการ ไม่ใช่อำนาจศาล จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เลือกปฏิบัติและคำพิพากษาของศาลไร้ความหมาย ศาลสถิตยุติธรรม พิพากษาจำคุก แต่กรมราชทัณฑ์สั่งให้นักโทษบางคนไปติดคุกที่บ้าน กลายเป็นนักโทษเทวดา” นายจุรินทร์ กล่าว

ช่วงท้าย นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอให้นายกฯ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารได้กำชับตนเองและกำชับรัฐมนตรีอีก 33 คน ให้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินให้คุ้มค่า เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศด้วยความโปร่งใสสุจริต เพราะพวกตนไม่ประสงค์จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่จำเป็น.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน […]

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]