พรรครวมไทยสร้างชาติ 2 ม.ค. – “รวมไทยสร้างชาติ” จัดหนักเตรียม 9 ขุนพลร่วมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พรุ่งนี้ นำทีมโดย “เอกนัฏ” วางกรอบไว้ 3 แนวทาง หวังให้งบผ่านสภาฯ เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
วันที่ 2 มกราคม 2567 ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นประธานการประชุม สส.ของพรรค เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมี สส.ของพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้เตรียมความพร้อมก่อนการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวันที่ 3-5 มกราคม 2567 ซึ่งหัวใจสำคัญในการอภิปรายครั้งนี้มี 3 หัวข้อ คือ 1. การชี้แนะให้รัฐบาลเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งมีระยะเวลาเหลือเพียง 5 เดือน หากดูตามกรอบเวลาเข้าสภาฯ วาระ 2-3 ประมาณวันที่ 3-4 เมษายน ส่งไปถึงวุฒิสภาวันที่ 9-10 เมษายน หลังจากนั้นจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้หลังวันที่ 17 เมษายน
ทั้งนี้ ถ้าดูตามกำหนดการแล้ว ระยะเวลาในการใช้งบประมาณเพียง 5 เดือน ในส่วนที่เป็นงบลงทุนถือว่าจำกัดมาก ดังนั้น การอภิปรายของ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ จะชี้แนะให้รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเร่งรัดการใช้งบประมาณให้รวดเร็วที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นายอัครเดช กล่าวว่า ส่วนที่ 2. จะชี้ให้เห็นถึงการใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพและรั่วไหลน้อยที่สุด และ 3. การใช้งบอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมทุกกลุ่มคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง สส.ของพรรคจะอภิปรายชี้ให้เห็นถึงการใช้งบเพื่อสร้างความเท่าเทียมและเป็นธรรมของคนในสังคม คนตัวเล็กก็สามารถเข้าถึงงบประมาณของรัฐอย่างทั่วถึงและมากขึ้น นี่คือ 3 หลักการที่พรรคจะอภิปราย โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค จะเป็นผู้นำอภิปราย จากนั้นจะมีขุนพลของพรรคอีก 8 คน ที่วางตัวมาอภิปราย ภายใต้หลักการ 3 ข้อที่กำหนดไว้ เพื่อให้รัฐบาลนำไปพิจารณาจัดการงบประมาณในปี 2567
เมื่อถามว่า ระยะเวลาที่กำหนดไว้ 3 วัน เพียงพอหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า วันอภิปรายน่าจะเพียงพอต่อการพิจารณา การอภิปรายในครั้งนี้ แต่ละวันจะอภิปรายเลยเที่ยงคืนของวันที่ 3 มกราคม และวันที่ 4 มกราคม เวลา 40 กว่าชั่วโมงที่วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านได้ตกลงกันไว้ ถือว่าเหมาะสมและลงตัว คิดว่าการอภิปรายจะสร้างสรรค์ หากใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ สำหรับผู้อภิปรายของพรรครวมไทยสร้างชาติที่วางตัวบุคคลไว้ ตรงกับหลักเกณฑ์ 3 ส่วนที่กำหนด เพื่อเร่งให้ใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดและรวดเร็ว
“เวลานี้ภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะภาคธุรกิจกำลังรองบประมาณจากรัฐบาล สส.ของพรรคได้สะท้อนในที่ประชุมว่า มีบางธุรกิจฝืดเคืองมาก เช่น งานก่อสร้าง อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ภาคแรงงาน กำลังรอเงินงบประมาณจากรัฐบาล ถ้ารัฐบาลได้ปรับรูปแบบการบริหารงบประมาณตามที่ สส.ของพรรคชี้แนะ เชื่อว่างบประมาณของรัฐจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายอัครเดช กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า ยังมีความจำเป็นในการเตรียมบุคคลไว้ตอบโต้หรือไม่ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า พรรคจะติดตามการอภิปรายด้วยความห่วงใยว่า จะมีการอภิปรายนอกประเด็นหรือไม่ จากการติดตามข่าวสารทราบว่า ฝ่ายค้านจะรับเรื่องไปดู ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในประเด็นของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เรื่องการประท้วงก็เป็นประเด็นรอง จึงอยากให้ฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในประเด็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ส่วนการอภิปรายเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรี ให้อภิปรายในโอกาสต่อไป.-312-สำนักข่าวไทย