กระทรวงมหาดไทย 25 ธ.ค.- “อนุทิน” ประชุมร่วมสำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งมั่นบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และพล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุมประสานความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี ผู้บริหารกรมการปกครอง สังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้ร่วมมือสนับสนุนการทำงานกับกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอดตามบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายของทั้ง 2 หน่วยงาน โดยเน้นย้ำว่า “ร่วมกัน” อันจะทำให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะเป็น Law Enforcer (ผู้รักษากฎหมาย) เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจว่า ประเทศของเรามีกฎหมาย ทุกคนต้องปฏิบัติตนอยู่ภายใต้กฎหมาย และมีผู้รักษากฎหมายปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ซึ่งเป็นนโยบายหลักของกระทรวงมหาดไทยภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำหนดและให้ความสนใจติดตามงานมาโดยตลอด เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ทั้งการข่มขู่คุกคาม เรื่องอาวุธปืน การค้ายาเสพติด การเปิดสถานบริการ สถานบันเทิงที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข ดังนั้น “การทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุขเป็นเรื่องที่สำคัญมากและต้องปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จให้ได้” ทั้งนี้ ในเรื่องของการจัดระเบียบสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เราได้มีการผ่อนปรนให้สถานบริการที่มีใบอนุญาต สามารถเปิดให้บริการในพื้นที่ที่มีการกำหนดโซนนิ่งให้เปิดบริการได้ถึง 04.00 น. ใน 5 จังหวัด/พื้นที่ คือ กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะพื้นที่อำเภอเกาะสมุย) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งการจัดระเบียบสังคมจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมากที่สุดต้องอาศัย 3 องค์ประกอบที่ต้องให้ความร่วมมือกัน คือ 1) ผู้ประกอบการสถานบริการ 2) นักเที่ยว และ 3) ผู้บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานพบว่า นโยบายสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ส่งเสริมการท่องเที่ยวได้จริง และปฏิบัติตามระเบียบได้จริง ซึ่งเป็นการดำเนินการระยะสั้น เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหลังจากนี้ ในระยะยาว เราจะทำให้ฝนตกทั่วฟ้า เราต้องทำให้เกิดความเท่าเทียม
“สำหรับในเรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล หากเป็นอิทธิพลเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านเป็นสิ่งที่รับได้ แต่ที่พบที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่เป็นอิทธิพลที่มีการคุกคาม ข่มขู่ ข่มเหงชาวบ้านรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นการทำที่ผิดกฎหมาย ที่กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องร่วมกันในการกำจัดและควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ต่อประชาชน รวมถึงเรื่องยาเสพติดและการปราบปรามอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทย ได้สนธิกำลังร่วมกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมี Spirit ที่ดี เราปราศจากความระแวงซึ่งกันและกัน และขอยืนยันว่า ทั้งฝ่ายปกครองผู้มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข และตำรวจผู้มีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ต่างฝ่ายจะทำงานแยกกันไม่ได้ เราทำงานเป็นเนื้อเดียวกันด้วยความเข้มแข็ง ไม่เลือกปฏิบัติและรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การทำงานประสบความสำเร็จ มีประสิทธิภาพสูงสุด อันเป็น “พลัง” ที่จะทำให้คนคิดทำชั่ว คนทำผิดกฎหมายเกิดความหวั่นเกรงและยับยั้งชั่งใจและคิดหนักมากที่จะทำผิดต่อไป เราคือรัฐ ดังนั้น เราจะปล่อยให้คนพวกนี้มีอำนาจ มีอิทธิพล มีความสามารถในการข่มเหงประชาชน หรือทำความไม่สงบให้กับบ้านเมืองไม่ได้เป็นอันขาด “ผมเห็นการทำงานของพวกเราที่เป็นพี่น้องกัน และเมื่อมหาดไทยและตำรวจสนธิกำลังร่วมกัน ประชาชนเห็นก็จะรู้สึกว่าอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัย มีความมั่นใจ และเราจะทำให้ทุกพื้นที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เกิดขึ้นอย่างจริงจังและยั่งยืนเพื่อประชาชน” นายอนุทิน กล่าว
ด้าย นายชาดา กล่าวเสริมว่า งานทุกอย่างแก้ได้ด้วยการบูรณาการ ทั้งนี้ มหาดไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ทุกตำบล หมู่บ้านยั่งยืน ทั้งนี้ มหาดไทยมี “ทีมอำเภอ” ที่เกิดจากการรวมกันระหว่างนายอำเภอและผู้กำกับการสถานีตำรวจ โดยมีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ที่สามารถเป็นกลไกร่วมกัน ทำให้ทุกพื้นที่ของประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน .317 .-สำนักข่าวไทย