ถกแผนผลักดันสงกรานต์ติดท็อป 10 สุดยอดเทศกาลโลก

กรุงเทพฯ 21 ธ.ค. – “อนุทิน-แพทองธาร” ร่วมประชุม ถกแผนผลักดันสงกรานต์ติดท็อป 10 สุดยอดเทศกาลของโลก สร้างเงินสะพัด 3.5 หมื่นล้าน ย้ำมหาดไทยพร้อมหนุนทุกนโยบายรัฐบาลสร้างงาน เสริมรายได้ประชาชนอย่างยั่งยืน


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้เป็นประธานการประชุม การพิจารณาวางแผนการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ทั้ง 11 สาขา โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการและหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วม และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเข้าร่วมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS)

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีโอกาสต้อนรับคณะบุคคลที่มีความหลากหลายทางด้านประสบการณ์ทั้งผลงานและการทำงาน ที่จะมาร่วมผลักดันภารกิจซอฟต์พาวเวอร์ ดูเป็นบรรยากาศที่น่าตื่นเต้น เริ่มต้นโอกาสใหม่ๆของคนไทย ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเองถือเป็นกระทรวงแรกๆ ที่ได้ดำเนินการในเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาก่อน อาทิ การขับเคลื่อนสินค้า OTOP ที่ดำเนินการมา 2 ทศวรรษตั้งแต่ยุคที่ท่านทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีการพัฒนาเรื่อยมาเป็นฐานสำคัญที่จะต่อยอดไปเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ตามนโยบายของรัฐบาล


จากนั้น ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวคิด แผนงาน การจัดงาน Maha Songkran World Water Festival เพื่อพิจารณาขอการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ การขอรับสนับสนุนพื้นที่จัดงานโดยกรุงเทพมหานคร การให้ทุกจังหวัดจัดส่งขบวนรถพาเหรดเข้าร่วม ส่งสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นดีของเด่นของแต่ละจังหวัดเพื่อจำหน่ายภายในงาน การสนับสนุนพื้นที่ การสนับสนุนน้ำสะอาดสำหรับการจัดกิจกรรมของการประปานครหลวง ตลอดจนการจัดหากระแสไฟฟ้า ประดับไฟในการจัดงานโดยการไฟฟ้านครหลวง

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล กล่าวว่า แนวทางเบื้องต้นของงาน Songkran World Water Festival จะมีการตั้งคณะทำงานที่ทำหน้าที่ชูสงกรานต์ทั้ง 77 จังหวัดตลอดเดือน เม.ย. 67 และผลักดันให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอด Festival ของโลก ผสมผสานการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ตั้งเป้าหมายที่จะให้เทศกาลนี้สร้างรายได้ให้ประเทศ 3.5 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ คณะทำงานได้นำเสนอข้อมูลที่จะจัดงานที่ท้องสนามหลวง และมีขบวนพาเหรด ผ่านบนถนนราชดำเนินไปยังท้องสนามหลวง โดยจัดงานระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย. 67 ซึ่งวันที่ 12 เม.ย. จะเป็นวันเคาท์ดาวน์ที่สนามหลวง และระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย. เป็นขบวนพาเหรดและกิจกรรมต่างๆ ด้วยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนทั้ง 77 จังหวัด ความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐเอกชนและ 10 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์


ทางด้านนายชาดา กล่าวว่า การใช้สงกรานต์กรุงเทพฯ ทำซอฟต์พาวเวอร์อาจมีประเด็นที่ต้องพิจารณาในเรื่องของการจัดกิจกรรม โดยเฉพาะหากดึงขบวนพาเหรดจากทุกจังหวัดเข้ามากรุงเทพฯ ทำอย่างไรจะไม่กระทบรูปแบบการละเล่นที่ปกติจะเป็นการเดินเล่นน้ำ และจะต้องมีการสร้างพลังเสริมเช่นการเชิญชวนสวมใส่ผ้าไทย และสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

ขณะที่ นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า การจัดมหาสงกรานต์ในกรุงเทพฯ นั้นอาจจะต้องพิจารณาในมิติวิถีชีวิตของคนไทย ที่โดยปกติสงกรานต์จะเป็นช่วงที่คนไทยเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อรวมญาติหรืออยู่กับตความครัว และสงกรานต์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้กับท้องถิ่นทุกจังหวัดในทุกปี แนวทางที่น่าสนใจอีกทางหนึ่งคืออาจจะเป็นการส่งเสริมให้แต่ละจังหวัดสามารถจัดสงกรานต์ให้ใหญ่มากขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น เช่น ขอนแก่นมีถนนข้าวเหนียว เชียงใหม่มี Water Festival อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สามารถดึงคนมาเลเซีย สิงคโปร์มาท่องเที่ยวเป็นต้น

นายอนุทิน กล่าวในตอนท้ายว่า ซอฟต์พาวเวอร์เป็นนโยบายหลักรัฐบาล ซึ่งยืนยันว่ากระทรวงพร้อมจะสนับสนุนทุกนโยบายของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างยั่งยืน โดยข้อเสนอของท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นมุมมองจากผู้มีประสบการณ์ที่มองเห็นสังคมในทุกมิติ ดังนั้น หากทีมงานคณะอนุกรรมการฯ มีการสรุปรูปแบบได้อย่างเหมาะสมแล้ว กระทรวงมหาดไทยก็พร้อมสนับสนุนให้ความร่วมมือได้ต่อไป

“การประชุมในครั้งนี้ ทำให้มองเห็นแนวคิดการจัดงาน รับฟังข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายนโยบายและผู้ที่จะรับไปปฏิบัติ ซึ่งคณะทำงานจะได้กลับไปจัดทำรายละเอียดและกลับมานำเสนอ และพิจารณาอนุมัติ การทำงานในส่วนต่างๆ ในการประชุมครั้งต่อไป” นายอนุทิน กล่าว .-317-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

Hun Sen in vdo call

“ฮุน เซน” ยืนยันไม่หนีออกจากกัมพูชา

พนมเปญ 24 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า ยังอยู่ในกัมพูชา หลังจากมีข่าวว่าเขาหนีออกนอกประเทศไปจีน นายฮุน เซน โพสต์เป็นภาษาเขมรในหน้าเฟซบุ๊กชื่อ Samdech Hun Sen of Cambodia ที่มีผู้ติดตาม 14 ล้านคน และไม่ได้ติดตามใคร เมื่อช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยอ้างว่า หนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งรายงานว่า เขาเดินทางออกจากกัมพูชาไปจีน เขาขอยืนยันว่า ขณะนี้กำลังประชุมทางวิดีโอกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารในทุกระดับ เพื่อสู้รบกับไทย เขาไม่ได้วิ่งหนี ดังนั้นขอให้เพื่อนร่วมชาติอย่าได้กังวล นายฮุน เซนโพสต์ว่า เขามาประชุมเรื่องนี้ตั้งแต่แม่ทัพภาค 2 ของไทยประกาศจะปิดทางเข้าปราสาทตาเมือนธม พร้อมกับลงภาพตนเองขณะกำลังคุยโทรศัพท์และประชุมทางวิดีโอหลายภาพ.-814.-สำนักข่าวไทย

สมช.ประณามกัมพูชา ย้ำยังไม่ใช่ภาวะสงคราม

24 ก.ค. – สมช. ประณามการกระทำของกัมพูชา ใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาฝั่งไทย โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ พร้อมย้ำขณะนี้เป็นเพียงการปะทะกัน ยังไม่ใช่ภาวะสงคราม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันนี้เป็นนัดพิเศษ และเป็นการประชุม ครม.ด้วย โดยได้รับรายงานการปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเป็นการยิงเข้ามาจากทางกัมพูชา และมีการใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย โดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 11 คน เป็นพลเรือน 10 คน ทหาร 1 นาย และบาดเจ็บ 28 คน จึงขอประณามการกระทำของกัมพูชาที่ใช้กำลังโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ขณะที่อาวุธหนักบางลูกยิงเข้ามาที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งห่างชายแดนเพียง 3 กิโลเมตร ถือเป็นการใช้กำลังโดยไม่ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ยืนยันไม่ใช่ภาวะสงคราม เป็นเพียงการปะทะกันเท่านั้น และย้ำว่าไทยใช้สันติวิธี ไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรง แต่เป็นการยั่วยุ จึงต้องป้องกันตนเองและประเทศชาติ ซึ่งไทยไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ทั้งนี้ ได้เตรียมการป้องกันและปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ โดยใช้มาตรการต่างๆ และอำนาจทางการทหารอย่างเหมาะสม ซึ่งหากฉุกเฉินทหารสามารถปฏิบัติการได้ทันที โดยให้ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ […]

ทบ.รายงานยอดผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ เหตุปะทะชายแดนกัมพูชา

24 ก.ค.- “กองทัพบก” อัปเดตเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 9 ราย เป็นเด็ก 1 ราย เจ็บ 14 ราย พร้อมประณามกัมพูชา ใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด -สำนักข่าวไทย

วิกฤติหนัก เมืองน่านจมบาดาล ขยายวงกว้างเกือบ 10 กม.

น่าน 24 ก.ค. – น้ำท่วมตัวเมืองน่านยังวิกฤติหนัก หลังน้ำน่านยังเพิ่มสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 แล้วและขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ยังเร่งช่วยเหลือผู้คน รวมทั้งผู้ป่วยออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย