สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 18 ธ.ค.- “อนุทิน” ร่วมเสวนา Traffic Forward ขับเคลื่อนจราจรไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน รวดเร็ว ปลอดภัย เข้าใจ ไปด้วยกัน พร้อมร่วมเปลี่ยน “7 วันอันตราย”เป็น “7 วันแห่งความปลอดภัย”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเสวนาโครงการขับเคลื่อนจราจรไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน Traffic Forward รวดเร็ว ปลอดภัย เข้าใจ ไปด้วยกัน ในหัวข้อ “ความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร” โดยมี นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วม
นายอนุทิน กล่าวว่า นับเป็นช่วงเวลาที่หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานร่วมมือบูรณาการทำงานได้อย่างเห็นชัดมากที่สุด เพราะทุกคนคิดว่าประโยชน์สูงสุดในการดูแลประชาชนและบ้านเมือง คือ เป้าหมายของเรา โดยมีผลงานสูงสุด คือ การตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งขณะนี้กระทรวงมหาดไทยกำลังมุ่งเน้นในการจัดระเบียบสังคม การตรวจตราสถานบริการ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมกันลงพื้นที่ไปตรวจตรา รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ ผู้อำนวยการเขต จึงทำให้เห็นถึงพลังในการขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ ทำให้คนคิดที่จะทำสิ่งไม่ดี หรือผิดกฎหมายได้เห็นภาพแล้วเกิดความหวั่นเกรง และเกรงกลัวต่อกฎหมาย แล้วกลับไกลมาทำสิ่งที่ดีในสังคม
นายอนุทิน กล่าวว่า แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมายอดอุบัติเหตุจะลดลง แต่ยอดผู้เสียชีวิตยังเท่าเดิม เราต้องเข้าใจร่วมกันว่าขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ลดลงไปแล้ว ทำให้ประชาชนมีการสัญจร มีการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาหลายเท่าตัว แม้ว่าตัวเลขสถิติจะลดลงจะเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญอยู่ที่ผู้บังคับใช้กฎหมายว่าจะทำอย่างไรให้ลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยให้ความสำคัญกับสารตั้งต้น คือ “ดื่มแล้วขับ” จึงต้องช่วยกันจากความร่วมมือของภาคีเครือข่าย ซึ่งจะเป็นพลังในการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการเปิดสถานบริการที่ไม่ได้รับอนุญาต หากทำได้จะเป็นการตีกรอบในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุของประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ ดังนั้น พวกเรามีหน้าที่รักษากฎหมายป้องกันไม่ให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น ด้วยอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย
“เชื่อว่าความร่วมมือการบูรณาการร่วมกันก็จะทำให้เกิดความสำเร็จ และหากเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและบ้านเมือง เราไม่ลังเลที่จะทำ ทั้งนี้ ในส่วนของ “7 วันอันตราย” ต่อไปนี้ ตนอยากให้เป็น “7 วันแห่งความปลอดภัย” ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้รณรงค์ในหัวข้อ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” หากเราบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเต็มที่ คดีการเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน และหากเราเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นก็จะได้มีแนวทางบูรณาการความร่วมมือได้มากกว่านี้ยิ่งขึ้นไป” นายอนุทิน กล่าว
พล.ต.อ สุรเชษฐ์ กล่าวว่าเพิ่มเติ่มว่า การบูรณาการระหว่างผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย ร่วมกันขับเคลื่อนในพื้นที่จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ตลอดจนทุกพื้นที่ ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมมือกันตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดได้ทำงานบูรณาการร่วมกัน โดยเฉพาะเรื่องการจัดระเบียบสังคม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด นับเป็นความร่วมมือที่แสดงให้เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ เราได้ต่อยอดมาตรการความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย โดยยกระดับมาตรการให้เข้มข้นเป็นขั้นบันได พร้อมบูรณาการร่วมกันระหว่างผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกภาคส่วน ซึ่งวันนี้ก็เป็นการตอกย้ำและยืนยันให้ทุกคนได้เห็นภาพชัด ว่าเราจะไม่ทำงานแบบไซโล แต่เราจะทำงานแบบบูรณาการ และตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยย้ำว่า เราไม่ได้ให้ความสำคัญแค่ตัวเลข แต่เราให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรการความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ตนเชื่อว่าการร่วมมือกันครั้งนี้และต่อไปจะทำให้พี่น้องประชาชนสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า กฎหมายมีความเกี่ยวข้องกับทุกคนและทุกหน่วยงาน จึงต้องอาศัยความร่วมมือกันในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการร่วมมือกันอย่างดีในการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนเราต้องมีการร่วมกันวางแผนระยะยาว และมีมาตราการร่วมกันไปในแนวทิศทางเดียวกัน เช่น พัฒนาจุดเสี่ยงหรือทางม้าลาย การติดตั้ง CCTV การติดตั้งแสงสว่าง ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการร่วมมือกันวางแผนระยะยาว อีกทั้งปัจจุบันองค์กรภาครัฐสมัยใหม่จะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูล รวมถึงใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างการมีจิตสำนึกของประชาชน ให้ป้องกันอุบัติเหตุ เช่นการสวมหมวกนิรภัย ซึ่งทั้งหมดความร่วมมือกันจะเป็นสิ่งสำคัญ และปัจจุบันเราก็ได้ดำเนินการ มาตรการอย่างเข้มงวด เอาจริงเอาจัง และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด.-317.-สำนักข่าวไทย