ทำเนียบฯ 13 ธ.ค. – “อนุทิน” ย้ำ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องไม่แตะมาตรา 112 ยังไม่คิดจะร่วมตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาเรื่องนี้ บอกโครงการแก้หนี้เป็นเพียงการเจรจาไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้ง ยันคนเป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคก้าวไกล ที่อาจจะมีการพิจารณานิรโทษกรรมผู้ต้องหาคดี 112 ว่าจุดยืนชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่แตะมาตรา 112 แต่ต้องรอดูความชัดเจนในหารือส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล แต่จุดยืนของพรรคภูมิใจไทยเราไม่มีปัญหากับมาตรา 112 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถ้าหากมีการนิรโทษในส่วนของผู้ต้องหาคดีชุมนุมทางการเมืองที่ไม่ใช่มาตรา 112 ก็มีเหตุมีผล
ส่วนที่เคยมีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า มันนานไปแล้วตนจำไม่ได้ ตอนนั้นตนยังไม่เข้าการเมืองเลยมั้ง เอาปัจจุบันดีกว่า
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะยืนญัติติด่วนให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่คิดเรื่องนี้
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีเจ้าหนี้นอกระบบข่มขู่ลูกหนี้ไม่ให้มาลงทะเบียนแก้หนี้ของรัฐบาล ว่ามีทั้งเจ้าหนี้ข่มขู่ลูกหนี้ มีทั้งลูกหนี้เบี้ยวเจ้าหนี้ ซึ่งในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเราต้องการไม่ให้เกิดการข่มเหง รังแก รังควาน ข่มขู่ จากทั้งสองฝ่าย การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในภาคส่วนของกระทรวงมหาดไทย คือ การไกล่เกลี่ยเจรจาไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้งรังแกเกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้เป็นการหาเงินใหม่มาให้
“ผมก็ยังยืนยันว่าคนที่เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ ไม่ใช่ไปตีความว่าแบบนี้ไม่ต้องใช้หนี้แล้วมันคนละเรื่องกัน แต่อย่างเจ้าหนี้ที่วันไหนลูกหนี้ขาดส่งไปพังร้านก๋วยเตี๋ยว ไปพังร้านกล้วยแขก อย่างนี้ไม่ได้ อย่างนี้ต้องดำเนินคดีอย่างเต็มที่ แต่กรณีที่เงินต้นนิดเดียวแต่จ่ายดอกเบี้ยหลายสิบหลายร้อยเท่าแล้ว อย่างนี้คงต้องให้มีการเจรจา ไกล่เกลี่ยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าฝ่ายเจ้าหนี้ไม่ยอมทั้งที่เก็บผลประโยชน์มาเยอะแล้ว อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายก็มีกรมสรรพากรจะเข้าไปดูด้านภาษีด้วย” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ยังกล่าวด้วยว่า คณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีได้ตั้งขึ้นมาที่มีตนเป็นประธานก็คือการปราบปรามไม่ให้เกิดการทำผิดกฎหมายในเรื่องหนี้นอกระบบ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่กระทรวงมหาดไทยอย่างเดียว ยังมีกระทรวงการคลัง เป็นเลขานุการด้วย ฉะนั้นเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีคือต้องการจะใช้กลไกที่รัฐมีอยู่ บันดาลความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนจะแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรงได้อย่างไรนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า โครงการนี้ Kick Off เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมนี้เอง ซึ่งในทางปฏิบัติหากมีการร้องทุกข์กัน นายอำเภอหรือผู้กำกับในท้องที่ก็พยายามไกล่เกลี่ยกันให้ได้มากที่สุด และไม่ได้มีการวางเป้าหมายมีเท่าไรก็แก้กันไปเป็นกรณีเท่านั้น
“เลิกพูดกันเสียทีเรื่องเป้าหมาย เพราะของพวกนี้เกิดขึ้นทุกวัน เกิดแล้วก็เกิดอีก เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมเกิดขึ้น เป้าหมายก็คือ อย่าข่มเหงรังแกกัน อย่าทุบตีกัน อย่าไปทำร้ายกัน หากเกิดการกระทำแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ก็เอากฎหมายเข้าไปปกป้องความปลอดภัยของประชาชน” นายอนุทิน กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย