เริ่มมาตรการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์วันนี้

ทำเนียบรัฐบาล 12 ธ.ค.-รัฐบาลเริ่มมาตรการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งแต่วันนี้ ระงับทันทีถ้ามีประวัติโทรมากกว่า 100 สายต่อวัน ครอบครองซิมมากกว่า 50 หมายเลข หลังปชช.ถูกหลอกลวง-ดูดเงินจำนวนมาก


นายภูมิธรรม เวชรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม    พร้อมด้วยนพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(สอท.) และผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทรู ดีแทคและเอไอเอสร่วมกันแถลงมาตรการขจัดภัยไซเบอร์ของรัฐบาล ระงับเบอร์โทรต้องสงสัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ กสทช.และโอเปอร์เรเตอร์ ว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะหลายชาติประสบปัญหาอย่างเดียวกันรูปแบบเดียวกัน โดยผู้ก่ออาชญากรรมซ่อนอยู่ในที่ต่าง ๆ  จึงต้องบูรณาการเจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันหาทางออก 

นายประเสริฐ กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์เอโอซี 1441 มีการร้องทุกข์ประมาณ 80,000 สาย ซึ่งเป็นตัวเลขจำนวนมาก ต้องมีมาตรการเข้มข้นจัดการกับผู้ที่ต้องสงสัยเข้ามาหลอกลวง โดยพุ่งเป้าไปที่หมายเลขโทรศัพท์ที่โทรออกจำนวนมากผิดปกติใน 1 วัน เช่น 100 ครั้งถือว่าน่าสงสัย โดยข้อมูลล่าสุดระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม พบว่าโทร 100 สายขึ้นไปในเครือข่ายเอไอเอส 3,927 สาย ทรูเฮช 4,339 สาย ทรูดีทีเอ็น 4,051 สาย จึงกำหนดการทำงานร่วมกันระหว่างศูนย์เอโอซี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  สำนักงานกสทช. และผู้ให้บริการเครือข่ายฯ  3 กรณี


“1. เมื่อตรวจสอบพบว่ามีหมายเลขโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์  ทางเอโอซีจะแจ้ง ให้บริการโทรศัพท์ หรือโอเดี๋ยวโอเปอร์เรเตอร์ ยกเลิกหมายเลขบริการดังกล่าวโดยทันที อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นฐานอำนาจให้ผู้บริการโทรศัพท์พร้อมดำเนินการ 2.ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตรวจสอบหมายเลขอื่น ของผู้ใช้บริการ ที่เป็นหมายเลขที่ใช้กระทำความผิด และให้แจ้งผู้ให้บริการรายอื่นที่เป็นเจ้าของหมายเลข ขยายผล ตรวจสอบ หากพบผิดปกติให้ระงับบริการ  แต่ถ้าจะพิสูจน์ตน  ต้องมารายงานตัว หากใช้งานเกิน 100 สายต่อวัน ให้มีหนังสือไปถึงผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระงับเลขหมายต้องสงสัย หากพบการโทรออกมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด  จากนั้นให้ติดต่อเจ้าของเบอร์เพื่อมาแสดงตนใน 7 วัน หรือหากแสดงตนแต่ไม่สามารถชี้แจงการใช้งานได้ ให้แจ้งเอโอซี เพื่อสืบสวนการใช้งานต่อไป และ 3. ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องรายงานข้อมูลต่อรัฐทุกเดือน หรือตามความเหมาะสม รวมถึงการจัดทำข้อมูลผู้ให้บริการคอลเซ็นเตอร์อย่างแท้จริงด้วย ซึ่งต้องมาแสดงตนและเอกสารมายืนยันภายใน 15 วัน ก่อนใช้มาตรการโทรมากผิดปกติ มาตรการดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้(12 ธ.ค.)” นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่นำข้อมูลประชาชนออกไปขายว่า มีคณะกรรมการคุ้มครองรักษาความปลอดภัย ทางด้านข้อมูลที่ตรวจสอบตลอดเวลา ส่วนหน่วยงานใดที่อาจถูกแฮกข้อมูล ทางกระทรวงดีอีเอสพร้อมตรวจและพยายามแก้ไขตลอดเวลา โดยตรวจสอบร่วมกับตำรวจและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และมีการยืนยันตัวตน จากการตรวจสอบหน่วยงาน  9,000  กว่าแห่ง ดำเนินการเรียบร้อยแล้วกว่า 5,000 แห่ง หากหน่วยงานไหนพบสิ่งปกติพร้อมตรวจสอบ ทั้งนี้ กระทรวงเรียกประชุมหน่วยงานภาครัฐ 85 หน่วยงาน และเชิญภาคเอกชนที่มีฐานข้อมูลในมือจำนวนมาก มาทำความเข้าใจ และขยายผลการจับกุม ขณะเดียวกันหน่วยงานรัฐต้องรักษาฐานข้อมูลส่วนบุคคลด้วย

ด้านนพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมกสทช. เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหมายเลขทั้งหมด 12,500 หมายเลขที่ใช้การโทรออกและรับสายมากกว่า 100 ครั้ง จะถูกระงับการใช้จนกว่าจะรายงานตัว เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นการใช้บริการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งทาง กสทช.ได้ตังหน่วยเฉพาะกิจ เพื่อติดตามและตรวจสอบการดำเนินการของผู้ประกอบการ เพื่อเป็นไปตามนโยบายที่เคร่งครัด พร้อมทั้งดำเนินการตามแผนขั้นที่ 2 ที่จะตัดวงจรและตามไล่อุปกรณ์ เสาสัญญาณเถื่อน ปรับปรุงด้านความปลอดภัยทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีของโครงสร้างพื้นฐาน ของโทรคมนาคมตามชายขอบ มีบุคคลกว่า 14,500 คน ที่มีอยู่ซิมมากกว่า 50 ซิม ภายใต้ชื่อเดียวกัน รวมแล้วอาจมีถึง 6 ล้านเลขหมาย


“อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ทาง กสทช.ก็จะดำเนินการสื่อสารให้เจ้าของ หมายเลขดังกล่าวมาขึ้นทะเบียนยืนยันตัวตน ตามที่ระยะเวลากำหนดไว้  และอาจจะต้องมีการระงับบางส่วน หากพบว่าใช้ซิมอย่างผิดกฎหมาย ส่วนผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ คือประชาชนทั่วไป ขอให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะมีพฤติกรรมเช่นนี้จำนวนมาก ซึ่งพบว่ามีการใช้ซิมและโทนจำนวนมาก รัฐบาลไม่อยากเห็นประชาชนตกเป็นเหยื่อได้  ซึ่ง กทสช. ก็จะดูแลให้ผู้ประกอบการ ให้ควาวมร่วมมือ” นพ.สรณ กล่าว

นายมนัส มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการบริหาร บมจ.ทรู คอร์เปอร์เรชั่น กล่าวว่า ยินดีช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ของประชาชน โดยจะให้ความร่วมมือทุกเรื่องอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบและจัดทำแผนตามที่กสทช.ประสานความร่วมมือ และให้ความสำคัญกับไซเบอร์ไซเคอริตี้ มีมาตรการที่ชัดเจน ส่วนเรื่องการลงทะเบียนจะกลั่นกรองตามระเบียบของภาครัฐทั้งพฤติกรรมการโทรแปลก พร้อมช่วยแกะรอยกลุ่มบุคคลที่ทำผิดกฎหมาย

ด้านผู้บริหารเอไอเอส กล่าวว่า ยินดีช่วยงานภาครัฐ โดยมีโครงการอุ่นใจไซเบอร์ดูแลประชาชน.- 314.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]