ทำเนียบรัฐบาล 30 พ.ย.- “ทวี สอดส่อง” เผยแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คดีพิเศษ สั่ง “ดีเอสไอ” เตรียมตามเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้เกิน 50 ราย หรือ 30 ล้านบาท “พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ” ลดดอกเบี้ยข้าราชการ ให้มีเงินเดือนเหลือ 30% หลังหักเงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ “กิตติรัตน์” แจง บัตรเครดิตคิดดอกเกิน 15% จากเบี้ยปรับ 3% เชื่อสามารถลดดอกบัตรเครดิตได้
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย พร้อมด้วย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2
พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง กล่าวถึงการสนับสนุนการแก้ไขหนี้ของกระทรวง ว่า การช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ด้วยการแก้ไขพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยห้ามเก็บดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี พร้อมแก้ไขเพิ่มเติมเอาปัญหาหนี้นอกระบบไว้ในพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยบุคคลธรรมดาที่ปล่อยกู้เกินกว่า 50 ราย หรือมีมูลค่าการปล่อยสินเชื่อเกินกว่า 30 ล้านบาท ให้สันนิษฐานว่าเป็นเครือข่ายหนี้นอก พร้อมสั่งให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้วิธีสอบสวนเครือข่ายหนี้นอก นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมมีสำนักคุ้มครองพยานจะช่วยลูกหนี้ร่วมกับรัฐบาล
ส่วนปัญหาหนี้ที่อยู่ในกรมบังคับคดีที่น่าเป็นห่วง พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า มีมูลค่าหนี้รวมเกือบเท่ากับ GDP ของประเทศ โดยหนี้ส่วนใหญ่เป็นของสถาบันการเงิน และหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งได้ยกเลิกกฎหมายและระเบียบเก่า โดยต้องคิดหนี้ใหม่ให้จ่ายเงินต้น ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับรวมไม่เกินร้อยละ 1.5 นอกจากนี้
ส่วน ปัญหาหนี้บัตรเครดิต พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ปกติจะมีอายุความ 2 ปี โดยกฎหมายแพงระบุว่า ลูกหนี้มีสิทธิยกอายุความในวันฟ้องคดี ซึ่งต้องทำความเข้าในสิทธิให้กับประชาชนไม่ถูกยึดบ้านหรือทรัพย์สิน ส่วน หนี้เช่าซื้อรถยนต์หากนำรถไปคืน แล้วไม่ยอมให้คืนจะให้สํานักงานวางทรัพย์เข้าช่วยเหลือ
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการ ว่า การหักเงินหนี้จากเงินเดือนข้าราชการจากสินเชื่อสวัสดิการไม่ควรเกินกว่าร้อยละ 30 ของเงินเดือน โดยที่ประชุมมีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง ทำให้ข้าราชการแบกรับหนี้สินลดลง เชื่อว่าจะมีข้าราชการ 1 ใน 3 จะสามารถปลดหนี้ได้ หากเงินเดือนเหลือไม่ถึงร้อยละ 30 หลังหักหนี้แม้ลดดอกเบี้ยแล้ว จะใช้วิธีที่ 2 ขยายงวดชำระเงินต้นให้จนถึงอายุ 75 ปี เพื่อลดเงินต้นลง และหากหักไม่เหลือเงินเดือนไม่ถึงร้อยละ 30 ของเงินเดือนอีก วิธีที่ 3 จะให้มีการปล่อยสินเชื่อพิเศษ หรือสินเชื่อจากทุนเงินกู้ของตนเองที่ส่งสหกรณ์ออมทรัพย์ และสุดท้ายหากมีปัญหาจะใช้การพิจารณาแก้ไขเป็นรายบุคคล หลังจากการประชุมในวันนี้จะมีผลดำเนินงานเป็นรูปธรรมในเดือนม.ค.67 อย่างไรก็ตามต้องประสานของความร่วมมือกับกรมบัญชีกลาง
นายกิตติรัตน์ กล่าวชี้แจงกรณี หนี้บัตรเครดิตที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บอกว่า อัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 15 ตามกฎหมายกำหนด ว่า หนี้มีอัตราดอกเบี้ยตามข้อตกลงเดิมที่ไม่เกินร้อยละ 15 และเบี้ยปรับไม่เกินร้อยละ 3 เนื่องจากหนี้บัตรเครดิตมีความเสี่ยงสูงจะมีการบวกเบี้ยปรับเข้าไว้ด้วย โดยเชื่อว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตสามารถลดลงได้อีก -.318 . สำนักข่าวไทย