อุตรดิตถ์ 30 พ.ย. – นายกฯ เยี่ยมศูนย์ผลิตสินค้าชุมชนอุตรดิตถ์ ยกหูผู้ว่าฯ ททท. สั่งตั้งสำนักงานโปรโมทท่องเที่ยว อีก 2 ปี ต้องมีนักท่องเที่ยวเพิ่ม 1.5 ล้านคน ผลักดันของดีเป็นซอฟพาวเวอร์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมศูนย์จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ติดตามความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาการท่องเที่ยว เมืองลับแล เมืองมหัศจรรย์ของผลไม้ เมืองงาม 3 วัฒนธรรมบ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก
โดยภายหลังรับฟังรายงานเสร็จสิ้น นายเศรษฐา กล่าวว่า จ.อุตรดิตถ์เป็นเมืองที่ขนานนามว่าเป็นเมือง 3 วัฒนธรรม มีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา อาหาร วัฒนธรรม กีฬา ผลไม้ อาหารการกิน เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงที่ต้องถูกดึงเข้ามาและต้องผ่านการเอาใจใส่จากรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า อุตรดิตถ์มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นอันดับที่ 60 ของประเทศ ซึ่งเมื่อมาดูแล้วก็มีสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวและน่าสนใจเยอะมาก โดยทางหอการค้าจังหวัดได้บอกว่า ไม่มีที่ทำการของการท่องเที่ยวเลย ซึ่งถ้าไม่มีที่ทำงานของการท่องเที่ยวเลย จะมีการท่องเที่ยวได้อย่างไร
“ตนได้ยกหู หาผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้มาตั้งศูนย์การท่องเที่ยวที่นี่ ทั้งนี้ห้องพักที่นี่มีน้อยมาก จึงไม่มีเหตุผลเลยที่ห้องพักจะไม่เต็มทั้งปี ดูจากวัฒนธรรม กิจกรรมต่างๆ สามารถทำให้เต็มทั้งปีได้ และทำให้ทุกเดือนเป็น High Season ก็จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการอย่างมากมาย เพราะฉะนั้นเมื่อตนกลับไปก็จะไปประชุมกับททท.และให้ KPI ไป จากนี้อีก 2 ปี จะต้องมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 1.5 ล้านคน จากเดิม 7 แสนคน นั้นหมายถึงอีกเท่าหนึ่ง ซึ่งสำนักงานททท.ต้องมีส่วนผลักดันและ คณะกรรมการ Soft Power ที่ตนเองเป็นประธานและมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานจะต้องร่วมกันผลักดัน ดึงศักยภาพตรงนี้ออกมาให้หมด เช่น มวยไทย ที่นี่มีมวยไทยท่าเสา พร้อมเล่าว่าที่อังกฤษ ที่เดียวมีค่ายมวยไทยมากถึง 6,000 ค่าย เพราะฉะนั้นนี่เป็น Soft Power” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ผลไม้ไม่ต้องพูดถึง มีทั้ง ลางสาด มะไฟ และมะฟ้าด้วย สส.ที่นี่ก็ไม่เคยเห็น และไม่เคยรู้มาก่อน ดูแล้วน่ารับประทาน ที่สำคัญพืชเศรษฐกิจ คือ ทุเรียน ปีหนึ่งตนไม่เคยได้กินเกิน 1 ลูกเลย เพราะฉะนั้นต้องสนับสนุนให้ปลูกมากยิ่งขึ้น เมื่อจุดที่แล้วก็ได้พูดถึงการยกระดับศุลกากรที่ส่งสินค้าไปยังจีนได้โดยผ่านสปป.ลาว ถ้าเรามีศุลกากรก็จะทำให้เรื่องการค้าขายของประชาชนดีขึ้น ผลไม้ต่างๆ ก็จะยกระดับไปขายที่ประเทศจีนได้ ทุเรียนเองเป็นพืชเศรษฐกิจ
“ทุเรียนส่งออก 200,000 กว่าล้าน หลักๆ คือประเทศจีน คนไทยกินทุเรียนเฉลี่ยคนละ 5 กิโลกรัมต่อปี คนจีนกินเฉลี่ยปีละ 0.7 กิโลกรัมต่อปี บ่งบอกถึงศักยภาพของทุเรียนว่าถ้าเกิดคนจีนกินทุเรียนเท่าคนไทยต้องเพิ่มอีก 7 เท่า จาก 200,000 ล้าน เป็น 1.5 ล้านล้าน ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก ศักยภาพของจังหวัดอุตรดิตถ์สามารถปลูกทุเรียนได้ ถ้ามีระบบขนส่งที่ดีผ่านไปยังประเทศจีน ได้มีด่านศุลกากร มีการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตนเชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงมาก” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวว่าเรื่องของ soft Power ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าผ้าไหม แต่ถ้าเราไม่มีสถานที่ที่เป็นโชว์สินค้าก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ซึ่งล่าสุดคาดว่าน่าจะใช้สถานีรถไฟบางซื่อจัดให้เป็น Store เพื่อให้วางร้านค้า จัดจำหน่ายสินค้าได้ ส่งเสริมพี่น้องชาวอุตรดิตถ์ทุกคนให้มีชีวิตความเป็นอยู่มีรายได้ที่สูงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาถึงศูนย์จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ได้เข้าสักการะอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วย.-313.-สำนักข่าวไทย