สกลนคร 24 พ.ย. – “ชัยธวัช” ร่วมวงรับฟังปัญหาเกษตรกร จ.สกลนคร ขาดแคลนแหล่งน้ำทำเกษตร พบหลายโครงการจัดสรรไม่ตอบโจทย์พื้นที่-ประชาชนใช้การไม่ได้จริง พร้อมใช้กลไก กมธ. ติดตามงบฯ ตรวจสอบ ชี้ระยะยาวต้องเลิกวิธีจัดการน้ำรวมศูนย์-กระจายอำนาจท้องถิ่นตัดสินใจ
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมรับฟังปัญหาประชาชนในภาคเกษตร ที่บ้านเม่นใหญ่ ต.อากาศ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร โดยประชาชนได้ร่วมนำเสนอปัญหาแก่หัวหน้าพรรคก้าวไกลในหลากหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องความต้องการระบบชลประทานเพื่อให้สามารถทำนาปรังได้
หลังการรับฟังปัญหา นายชัยธวัช กล่าวสรุปว่า พื้นที่เชื่อมโยงระหว่างนครพนมและสกลนคร มีงบประมาณในการทำแหล่งน้ำตามงบประมาณประจำปี 2566 รวมกันสองจังหวัดถึง 1.2 พันล้านบาท เป็นของนครพนม 800 ล้านบาท สกลนคร 400 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบของพรรคก้าวไกล พบว่าโครงการจำนวนมากถูกจัดสรรลงไปในพื้นที่ที่ไม่มีความต้องการน้ำจริง หรือลงไปในพื้นที่ที่ต้องการน้ำแต่กลับใช้งานไม่ได้จริง โดยมีโครงการที่กำลังถูกตรวจสอบจาก ป.ป.ช. ถึงประมาณ 190 โครงการ
วันนี้ตนตั้งใจมารับฟังปัญหาจากประชาชนเพื่อนำไปสู่การทำงานร่วมกันในอนาคต โดยปัญหาเฉพาะหน้าสำคัญที่สุดก็คือเรื่องน้ำ ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับเกษตรกรทั้งประเทศ เนื่องจากพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ของประเทศนี้ไม่มีระบบชลประทาน แม้ตามแผนของรัฐบาลเดิมจะวางไว้ว่าภายใน 15 ปี จะต้องมีโครงการชลประทานครอบคลุม 40% ของพื้นที่เพาะปลูก แต่ต่อให้ทำสำเร็จภายใน 15 ปี พื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่ของประเทศก็จะยังไม่มีน้ำอยู่ดี นี่คือปัญหาของวิธีการจัดการน้ำโดยส่วนกลางที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตอบโจทย์ประชาชน เป็นโครงการในรูปแบบเดียวกันที่เอื้อต่อการทุจริตหรือใช้การไม่ได้จริง
ในระยะเฉพาะหน้า พรรคก้าวไกลแม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่จะใช้ทุกกลไกที่มีในการผลักดันแก้ปัญหาให้ประชาชนให้มากที่สุด รวบรวมนำเสนอต่อรัฐบาล ตรวจสอบฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะในการใช้งบประมาณ ซึ่งพรรคก้าวไกลเองมี สส. เป็นประธานคณะกรรมาธิการติดตามการใช้งบประมาณฯ จะทำงานผ่านกลไกนี้ รวมทั้งการใช้กรรมาธิการการจัดการน้ำ ซึ่งเป็นกรรมาธิการใหม่ ที่แม้ สส.พรรคก้าวไกล จะไม่ได้เป็นประธาน แต่มีสมาชิกที่จะส่งเสียงแทนประชาชนได้ ระหว่างนี้ทำอะไรได้ก็จะทำกันเต็มที่ ทีมงานพรรคก้าวไกลในพื้นที่จะทำงานอย่างต่อเนื่องกับประชาชน
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ปัญหาของเกษตรกรทั้งประเทศมีหัวใจอยู่ที่แหล่งน้ำ ซึ่งถ้ายังจัดการลงทุนโดยใช้วิธีเดิมๆ เอางบกองไว้ที่กระทรวงแล้วให้แต่ละที่ทำโครงการขอมา กว่าจะได้รับพิจารณาก็ใช้เวลานานมาก ขึ้นอยู่กับว่าใครวิ่งงบเก่งกว่ากัน นำมาสู่การทุจริต เอาโครงการไปลงในพื้นที่ที่ไม่ต้องการจริง หรือมีโครงการมาลงในพื้นที่ที่มีความต้องการและใช้การได้จริงแต่มีการทุจริตมาก ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ตอบโจทย์จริงๆ ซึ่งพรรคก้าวไกลเสนอว่าในอนาคตจะต้องเปลี่ยนวิธีจัดการน้ำใหม่ เอางบประมาณมาที่ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นเป็นคนตัดสินใจ
แต่ปัญหาสำหรับภาคเกษตรนั้น แก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างเดียวไม่จบ ต้องมีการแก้ไขทั้งระบบ ทั้งต้นทุนการผลิต ปุ๋ย ยา ทำอย่างไรให้เลิกผูกขาดกับบริษัทใหญ่ไม่กี่เจ้า การพัฒนาการผลิตด้วยการวิจัย พัฒนาสายพันธุ์ และเทคนิคการผลิตให้ดีกว่านี้ ให้ได้มากกว่าแค่ผลิตได้หลายรอบขึ้น แต่ให้ไปถึงขั้นทำเท่าเดิมหรือน้อยลงแต่ได้ผลผลิตมากขึ้น พัฒนาไปสู่การแปรรูปให้ขายได้ราคามากขึ้น
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า อีกปัญหาหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเกษตรกรทั้งประเทศก็คือเรื่องหนี้สินครัวเรือนที่เกษตรกรเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด พรรคก้าวไกลเสนอว่าต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้เกษตรกรครั้งใหญ่เพื่อนำไปสู่การปิดหนี้ เช่น เกษตรกรอายุเกิน 60 ปี ที่จ่ายหนี้จนเกินเงินต้นแล้วควรปิดหนี้ให้ได้เลย หรือลูกหนี้ที่ยังจ่ายหนี้ไม่เกินเงินต้น ก็ต้องมีการเข้าไปสนับสนุนให้เอาที่ดินมาบริหารจัดการ ให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นเพื่อนำไปสู่การปิดหนี้
เช่นเดียวกับเรื่องของสวัสดิการถ้วนหน้า สำหรับทั้งผู้สูงอายุ คนวัยทำงาน และเด็ก จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว ประชากรวัยทำงานน้อยลง ประชากรเกิดใหม่น้อยลง การมีสวัสดิการให้ผู้สูงอายุ และคนวัยทำงานในการดูแลลูก จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นในการช่วยลดภาระและส่งเสริมให้มีประชากรวัยทำงานมากขึ้น รวมทั้งการมีงบประมาณส่งเสริมคนทำงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน เพื่อให้เกิดงานที่มั่นคงและมีค่าตอบแทนอย่างเป็นมืออาชีพ
นายชัยธวัช สรุปว่า ดังนั้น การแก้ปัญหาของเกษตรกรจะแก้แต่เรื่องน้ำอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องแก้ทั้งระบบ รวมถึงการทำให้มีทางเลือกงานนอกภาคเกษตรใหม่ๆ ในพื้นที่ อย่างที่พรรคก้าวไกลเสนอให้มีการสร้างอุตสาหกรรมจากปัญหาในชีวิตประจำวันของประชาชน เช่น การทำน้ำประปาดื่มได้ ที่จะทั้งสร้างงานในพื้นที่และแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันของประชาชนไปได้ด้วย รวมทั้งการกระจายอำนาจ เพื่อให้อำนาจและงบประมาณอยู่ใกล้ประชาชนให้มากที่สุด .-สำนักข่าวไทย