กรุงเทพฯ 24 พ.ย. – “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ชี้สภาพปัญหารุมเร้าทั้งงาน-เงิน-สังคม ทำตำรวจเครียดทำร้ายคนในครอบครัว แนะ มท. ทำนโยบายเก็บอาวุธปืนทั้งหมด เชื่อลดปัญหาทั้งฆ่ากันตายและอาชญากรรม
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยและอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงปัญหาตำรวจเครียดทำร้ายคนในครอบครัว ว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วไป ทั้งในครอบครัว สังคม รวมทั้งระบบต่างๆ ซึ่งมองในภาพรวม เห็นว่าหากสภาพสังคมและสภาพของข้าราชการตำรวจเอื้ออำนวยให้การดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของครอบครัวดี ความเครียดก็คงไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อมีปัญหาทุกอย่างรุมเร้า ทั้งสภาพแวดล้อมที่ทำงานและสภาพแวดล้อมในสังคม ทั้งปัญหาจากการทำงาน เงินเดือนก็ไม่พอใช้ ก็จะกระทบมาถึงครอบครัว บางคนที่มีสภาพจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ก็คงจะรับไม่ไหว จึงเกิดสภาพปัญหาการทำร้ายคนในครอบครัวเกิดขึ้น
“การปฏิรูปตำรวจก็ช่วยแก้ไขปัญหาได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา โดยเฉพาะการพัฒนาให้องค์กรมีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ มีขวัญและกำลังใจต่างๆ ซึ่งหากทุกอย่างในองค์กรมีความพร้อม ก็จะทำให้สภาพครอบครัวดีขึ้นด้วย แต่ถ้านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ ผลกระทบก็ยังคงเกิดขึ้นกับตำรวจ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะรับได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและจิตใจของแต่ละคนด้วย”พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าว
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ยังเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการใช้อาวุธปืน ทำร้ายกันว่าพรรคเสรีรวมไทยมีนโยบายให้เก็บอาวุธ หยุดความตาย แต่พรรคไม่ได้เป็นรัฐบาลจึงไม่มีโอกาสแก้ไขปัญหาตรงนี้ แต่ก็ฝากไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปแล้วว่า ควรจะต้องเก็บอาวุธปืนที่มีอยู่ไปให้หมด ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนถูกกฎหมายหรือปืนเถื่อน เพราะ เมื่อมีอาวุธปืนอยู่ เวลาคนมีปัญหาในสังคม ก็จะตัดสินใจฆ่ากัน แม้กระทั่งคนในครอบครัว ดังนั้นหากไม่มีปืนก็ฆ่ากันไม่ได้
” ดังนั้นให้รีบเก็บอาวุธปืนซะ ใครมีอาวุธปืนถูกกฎหมายก็คืนเงินเขาไป ใครมีอาวุธปืนเถื่อนก็เรียกกลับคืน ทั้งสองอย่างทำให้เสร็จภายใน 6 เดือน ถ้าใครยังมีอาวุธปืนอยู่ก็มีโทษตลอดชีวิต ใครที่ใช้อาวุธปืนไปยิงใครทำร้ายใคร ก็ต้องให้มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต ถ้าเก็บให้หมดแล้วอัตราการฆ่ากันตายก็จะลดน้อยลงอย่างแน่นอน แต่ในส่วนของข้าราชการ บางทีก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธทำงาน ก็ต้องเก็บและให้เหลือแต่ปืนราชการ ถึงเวลาจะใช้ก็มาเบิก เวลาเสร็จการปฏิบัติหน้าที่ก็คืน กลับบ้านมือเปล่า ข้าราชการก็มือเปล่า ประชาชนก็มือเปล่า ก็จะไม่มีเกิดเหตุฆ่ากันตาย ถ้าใช้ระบบเก็บอาวุธปืนให้หมด ถ้าเป็นตำรวจ เวลาเขาปฏิบัติหน้าที่ก็ให้เบิกอาวุธปืนไป ปฏิบัติเสร็จแล้วก่อนจะกลับบ้านก็คืน กลับไปบ้านก็จะไม่มีปืนยิงลูกตัวเอง ยิงครอบครัวตัวเอง ถ้าเข้มงวดกวดขันถึงขนาดนี้ อาชญากรรมการฆ่ากันตายต่างๆ ก็ลดน้อยลงแน่ แต่ถ้าไม่ใช้วิธีเด็ดขาดอย่างที่ผมพูด ก็ไม่มีทาง” พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่บางคนในบางอาชีพยังอยากให้มี เพื่อใช้ป้องกันตัวนั้น พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ย้อนว่า จะป้องกันอะไร ในเมื่อทุกคนไม่มีอาวุธแล้ว และหากตัวเองมีก็อาจจะเอาปืนไปยิงคนอื่นได้ และส่วนตัวของตนซึ่งเคยเป็นอดีตผบ. ตร.แม้จะมีอาวุธปืน แต่เวลาไปไหนก็ยังไม่พก ทั้งที่ตนมีปัญหากับคนหลายกลุ่มมา ในอดีตเคยปราบปรามมาเฟีย ปราบปรามอาชญากรรม ตนยังไม่กลัว ไม่ได้พกปืน ดังนั้นไม่ควรอ้างเพราะหากทุกคนไม่มีปืนแล้ว จะกลัวอะไรกัน.-สำนักข่าวไทย