ทำเนียบรัฐบาล 24 พ.ย.- “ธรรมนัส” แถลงหมูเถื่อน แฉ นักการเมืองใหญ่ – ขรก. เอี่ยวด้วย ขอไม่เอ่ยชื่อสาวถึง รมต. อักษรย่อ ป.หรือไม่ ส่งสำนวน ป.ป.ช.แล้ว ขณะดีเอสไอ เผย เช้านี้ “สมนึก” มอบตัวแล้ว ชี้เป็น องค์กรอาชญากรรมกระทบความมั่นคงทางอาหาร มั่นใจ ต้นปีหน้าสถานการณ์คลี่คลายแน่
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงข่าวความคืบหน้าการปราบปรามหมูเถื่อน พร้อมด้วยพันตำรวจตรีสุริยา สิงกลม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ,นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์, นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง ,พันตำรวจตรีเอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ,และนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร
ร้อยเอกธรรมนัส เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้มีการตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งจะเป็นหน่วยงานลับเพื่อตรวจค้นได้ทันที โดยอาศัย พ.ร.บ.โรคระบาด
อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม จนถึงปัจจุบัน สามารถดำเนินการเข้าตรวจสอบห้องเย็น 2,210 แห่ง ทั้งที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมปศุสัตว์ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมการค้าภายใน และกรมประมง ส่วนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมใดเลย เบื้องต้นได้เข้าตรวจสอบ 1,100 แห่ง ซึ่งขณะนี้สามารถอายัดซากสัตว์ได้กว่า 2.5 ล้านกิโลกรัม เป็นเนื้อหมู 6 แสนกิโลกรัม ใน 35 จังหวัด 92 คดี ซึ่งเป็นความผิด ทั้งโรงฆ่าเถื่อน นำเนื้อจำหน่ายโดยไม่มีแหล่งที่มาหรือไม่ได้ขออนุญาตที่ถูกต้อง
จากนั้นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ของกลางทั้ง 161 ตู้ ได้พิจารณาเป็นคดีพิเศษ ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา เราได้เร่งรัดดำเนินการ ผลการดำเนินการ มีพยานหลักฐานพร้อม ซึ่งมีผู้กระทำความผิดพอสมควร
“เป็นองค์กรอาชญากรรมที่กระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของคนไทยและเกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพ โดยประกอบไปด้วย กลุ่มนายทุน กลุ่มข้าราชการอดีตข้าราชการ และข้าราชการฝ่ายการเมือง ซึ่งพบว่าเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยขณะนี้ได้มีการสรุปสำนวน ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เสร็จสิ้นแล้ว” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว
เมื่อถามว่า มีผู้กระทำผิดพอสมควรคือจำนวนเท่าใด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวว่า ว่า เป็นอดีตข้าราชการ และข้าราชการ หลัก 10 คน เป็นข้าราชการฝ่ายการเมือง ไม่ถึง 10 คน ซึ่งไม่ขอลงรายละเอียดว่าจะสาวไปถึงรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช.แล้ว จึงไม่ขอก้าวล่วง ซึ่งเมื่อสาวไปถึงใคร ก็จะมีการขยายผลไปอีกตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง
ส่วนจะสามารถสาวไปถึงตัวคนผิดได้หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อนแถลงข่าว และได้โทรหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้กระทำความผิด ได้ซัดทอดไปถึงกลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3 ซึ่งสรุปสำนวนไปถึงป.ป.ช. แล้ว ถึงระดับนักการเมืองใหญ่ ยืนยันว่าจะถึงต้นตอทั้ง 161 ตู้
ส่วนกลุ่มนักการเมือง กลุ่มพ่อค้า มีอดีตรัฐมนตรีช่วยอักษรย่อป.ปลาหรือไม่นั้น ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า “ขออย่าไปเอ่ยชื่อ เดี๋ยวจะต้องขึ้นศาลไปด้วยกันทั้งหมด”
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวถึงการดำเนินการเชิงรุกการปราบปรามหมู่เถื่อน ว่า ตนได้สั่งการให้มีการเซ็ตซีโร่ห้องเย็นทั้งหมด หลังจากนี้ ไปจนถึงวันที่ 15 ธันวาคมนี้ หากผู้ขายไม่ยอมมาขึ้นทะเบียน ก็จะถือว่าเป็นผู้ประกอบการเถื่อน จะถูกดำเนินคดีอาญาในทันทีรวมถึงรถบรรทุกที่มีห้องเย็นด้วย
ร้อยเอกธรรมนัส ยอมรับว่าตั้งแต่มีการขนย้ายตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบังไปฝังกลบและเผาก็เกิดประเด็นสังคม เกิดความไม่ไว้วางใจ ว่าสิ่งเหล่านี้มีเชื้อหรือไม่ ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ซึ่งเข้าใจความรู้สึก ของสังคม และสิ่งสำคัญคือผู้อยู่เบื้องหลัง การค้าหมูเถื่อน เมื่อทราบ ก็จะมีกระบวนการ ทำให้เราไม่สามารถไปฝังกลบ หรือทำลายได้ ตนจึงสั่งการให้มีการบันทึกภาพวีดีโอในการฝังกลบภายในสิ้นเดือนนี้ทั้งหมด จะนำเสนอต่อสื่อฯและรับรองว่ามีคณะกรรมการตรวจสอบทั้งหมด เรื่องนี้ต้องขออนุญาตสงวนสิทธิ์เป็นความลับ เพราะว่าพอเปิดเผยแล้ว ก็มีอุปสรรค
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยต่อว่า วันนี้มีผู้ต้องหา 1 รายเดินทางมามอบตัวคือนายสมนึก โดยจะเร่งดำเนินการเอาผิดทั้งหมด
“ขออย่ากังวลว่า หากจะไปกระทบผู้มากมีอิทธิพลแล้วจะไม่ดำเนินการ ส่วนเรื่องยึดทรัพย์ ก็จะทำคู่ขนานไปด้วยสัปดาห์ต่อไป จะเห็นความคืบหน้าของตัวละคร ที่มีความต้องการ ไประบายหมูเถื่อน ยืนยันไม่เอาไว้ ถึงใครต้องดำเนินการทั้งหมด พร้อมระบุว่าสถานการณ์หมูเถื่อนจะคลี่คลายในปีหน้า” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว
ขณะที่ รองเลขา ป.ป.ง.ยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน เราได้ดำเนินการ กับนอมินีและนายทุน ซึ่งขณะนี้ยึดทรัพย์ไปแล้ว 8 บุคคล 6 บริษัท จำนวน 53 ล้านบาทและจะดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป
โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ศุลกากรถือเป็นด่านแรกในการนำหมูเข้ามา ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมศุลกากรโดยตรง ปัจจุบันได้มีการตรวจสินค้าแช่เยือกแข็งทุกตู้สินค้า ปัจจุบันมีการนำเข้าและส่งออกปีละ 11 ล้านตู้ จึงไม่ได้ตรวจทุกตู้ แต่เมื่อมีการสำแดงเป็นสินค้า ประเภทอื่น และมีใบอนุญาตมา หากเราเปิด ทำให้ตู้เย็นเสียอุณหภูมิ ผู้ประกอบการจึงไม่ได้รับความสะดวก และร้องเรียนมา แต่ 161 ตู้ที่เราตรวจพบ เนื่องจากเราเห็นความผิดปกติมีการสำแดงนำเข้าปลามากจนเกินไป จึงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ปัจจุบันได้มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานเกษตรในพื้นที่มีการตรวจตู้ร่วมกันอย่างเข้มข้น.-สำนักข่าวไทย