จี้ นายกฯ รับผิดชอบ หลุดแฉปมแต่งตั้งผู้กำกับ

รัฐสภา 22 พ.ย.- “รังสิมันต์” จี้นายกฯ รับผิดชอบ หลุดแฉปมแต่งตั้งผู้กำกับ เข้าข่ายผิดจริยธรรม -รัฐธรรมนูญ ม.185 และกฎหมายตำรวจ เชื่อมี สส.เกี่ยวข้อง

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับตำแหน่งผู้กำกับ ที่อาจจะมีคนสมหวังและผิดหวัง ว่า ชัดเจนว่ามีการวิ่งเต้นตำแหน่งและยังคงมีเรื่องของการซื้อตั๋วโยกย้ายกันอยู่ การที่นายกรัฐมนตรีพูดกลางที่ประชุมสส. เข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้ การที่ สส.เข้ามาขอตำแหน่งผู้กำกับกับนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่เข้าข่ายผิดกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 และพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ แน่นอน รวมถึงความผิดทางจริยธรรมนักการเมือง ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีหลักฐานที่เป็นเอกสารชัดเจน เนื่องจากเป็นการฝากผ่านทางโทรศัพท์ และการที่นายกรัฐมนตรีพูดแบบนี้ เข้าข่ายการแทรกแซงโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ


“สะท้อนระบบอุปถัมภ์  ระบบเส้นสาย และระบบตั๋วจากรัฐบาลชุดนี้ ตอนหาเสียงนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวว่า จะจัดการแก้ไขปัญหาระบบเส้นสาย ไม่มีระบบตั๋ว แต่กลับมาพูดว่า อาจจมีผู้กำกับบางคนสมหวังและผิดหวัง  ซึ่งฟังได้ว่าเป็นการที่สส.ฝากมา นับเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและทำร้ายกำลังใจของตำรวจผู้น้อยที่ไม่มีเส้นสาย” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายผู้กำกับ เป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการมีหน้าที่ แต่นายกรัฐมนตรีกลับลงในรายละเอียดเรื่องตัวบุคคล ชัดเจนว่าเป็นตั๋วเพื่อไทย ปัญหาความร้ายแรงนี้ ไม่ใช่แค่การโยกย้ายตำรวจเพียงอย่างเดียว แต่พลเรือนอื่นๆ ต้องมีตั๋วด้วยหรือไม่ ปัจจุบันประเทศไทยยังอยู่ที่เดิม ระบบอุปถัมภ์แบบเดิม และกังวลว่าอาจไปไกลถึงขนาดซื้อขายตำแหน่งกัน


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบคำพูดตนเอง เพราะเป็นสิ่งที่ฟังได้อย่างชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีมีความเกี่ยวข้องในการโยกย้ายตำรวจ พร้อมตั้งคำถามว่า ข้าราชการตำรวจที่สมหวัง คือมีตั๋วหรือไม่ และตำรวจที่ไม่สมหวัง คือไม่ตั๋วไม่เท่าคนอื่น หรือไม่มีตั๋วใช่หรือไม่

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีพูดแบบนี้ เชื่อว่าเป็นการแฉตัวเอง หรือการหลุดพูดออกมา ซึ่งท่าทีของนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่ได้ดูว่ามีลักษณะในการห้ามปรามใคร คำพูดของนายกฯ ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการขอตำแหน่งมาเยอะ และเป็นการขอตำแหน่งจาก สส.พรรคเพื่อไทย เพราะเป็นการพูดในที่ประชุมของ สส.เพื่อไทยด้วย ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าการที่จะเติบโตในหน้าที่ จะต้องมีตั๋วของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้

ส่วนการชี้แจงของนายกรัฐมนตรีช่วงเช้าวันนีั(22 พ.ย.) นายรังสิมันต์ มองว่า ไม่ได้ตอบตรงประเด็น  เหมือนกับเป็นนายกรัฐมนตรีคนละคน และเป็นการชี้แจงเพื่อหักล้างสิ่งที่ได้พูดไปเมื่อวาน(21 พ.ย.) ทั้งนี้ เชื่อว่า กระบวนการซื้อขายตำแหน่ง มี สส. นักการเมืองจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จะนำเข้าหารือด้วยหรือไม่นั้น จะต้องหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฎิรูปประเทศอีกครั้งในวันที่ 23 พ.ย.


อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูล เพื่อตรวจสอบตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง พร้อมฝากถึงข้าราชการที่มีข้อมูลการทุจริตในการโยกย้ายตำแหน่ง ให้ส่งข้อมูลมาให้ เพื่อจะรวมข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุดและส่งผู้เชี่ยวชาญพิจารณา

ส่วนการตรวจสอบนายกรัฐมนตรีนั้น จะเป็นการใช้ไม้ซีกงัดไม้ซุงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีพูดแบบนี้ ทำให้ตำรวจจำนวนมากมีความรู้สึก และการที่พูดถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครต้องรับผิด ตนก็ไม่รู้ว่าจะมีมาตรการป้องกันการแทรกแซงและทุจริตเพื่ออะไร หากจะรอหลักฐาน เสียง หรือหนังสือราชการก็คงเป็นไปไม่ได้ “จากสิ่งที่นายกพูดทำให้ข้าราชการน้ำดี ตีความหมายว่าต่อให้คุณทำผลงานดีคุณก็จะไม่ได้ดี เพราะคุณไม่มีเส้นสายที่แข็งแรง และนี่คือปัญหาใหญ่ของระบบนี้ ซึ่งตนต่อสู้เรื่องตั๋วตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว จนถึงรัฐบาลนี้ แต่ที่น่าแปลกคือบรรยากาศยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน แม้จะเปลี่ยนรัฐบาล และองค์กรตำรวจที่เละเทะก็ยังคงเละเทะต่อไป” นายรังสิตมันต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”