พรรคเพื่อไทย 21 พ.ย.-“เศรษฐา“ เข้าประชุมเพื่อไทย แจงผลงาน สส. เผย Apple ขอเข้าพบ พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเตรียมลงทุน ย้ำเศรษฐกิจแย่ ดิจิทัลวอลเล็ตจำเป็นและเร่งด่วน เตรียมแถลงใหญ่หนี้นอกระบบ 12 ธ.ค.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวขอบคุณ ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ที่จุดประกายเรื่องหนี้นอกระบบให้กับตนเอง วันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาพูดแต่อยากมาฟังมากกว่า เพราะอยูีที่ทำเนียบรัฐบาล พูดเยอะ ไม่มีโอกาสรับฟัง วันนี้ไม่ได้มาในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่มาในฐานะสมาชิกพรรค เพราะ สส. ทุกท่านคือตัวแทนของพี่น้องประชาชน วันนี้จะมาพูดจุดประกายเรื่องหนี้นอกระบบและจะนำไปสานต่อ แบ่งเป็น 2 ส่วน
โดยหนี้นอกระบบ เป็นหนี้ที่ใหญ่กว่าหนี้ในระบบจะประชุมกันในวันที่ 28 พฤศจิกายน ตามดำริของ สส.มานิตย์ เพราะเป็นผู้ที่บอกให้เราไปคุยกับนายอำเภอ ผู้กำกับ ผู้การจังหวัด รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เพื่อที่จะให้เจ้าหนี้กับลูกหนี้ขจัดปัญหา ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะมีการแถลงข่าว และประชุมร่วมครั้งแรก
เรื่องของการกำจัดหนี้นอกระบบเป็นเรื่องใหญ่ หลังจากที่ได้ประชุมที่นี่แล้วได้ไปดูตัวเลขหลายตัว ก็น่ากลัว ซึ่ง สส. หลายท่านก็มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ เชื่อว่านโยบายนี้หากนำไปปฏิบัติจริงก็จะต้องพึ่ง สส.ไปช่วยกันดูแล พูดคุยกับผู้กำกับ นายอำเภอ ช่วยกันติดตามผลงานในการดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป
ส่วนหนี้ในระบบ นายเศรษฐา ระบุว่า รัฐบาลมีหลายนโยบายที่จะช่วยเหลือครู SME ตำรวจและหลายภาคส่วนที่ประสบปัญหาตลอดเวลาตั้งแต่โควิด รวมถึง กยศ. โดยจะมีการแถลงข่าวใหญ่ 12 ธันวาคมนี้ ทั้งหมดนี้จะเป็นการแก้ไขหนี้ในระบบและนอกระบบอย่างบูรณาการทำให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
ส่วนวันที่ 8 ธันวาคมนี้ จะมีการประชุมร่วมกันและมาผู้กำกับใหม่กับนายอำเภอ ถือเป็นครั้งแรกที่จะมีการประชุมที่ อิมแพ็ก เมืองทองธานี ส่วนเรื่องยาเสพติด ยังไม่ถึงเวลา ขอพูดเรื่องหนี้ก่อน หากมีนโยบายที่ปราบปรามยาเสพติดชัดเจนจะนำมาพูดคุยกันอีกต่อไป
ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศมี 2 ส่วนคือการพบปะนักธุรกิจของสหรัฐ และการพบปะผู้นำ เรื่องการพบผู้นำถือเป็นเรื่องไม่สบายใจ มีโอกาสพบผู้นำ 21 ประเทศในการประชุมเอเปก รับทราบถึงความแตกแยก ความขัดแย้งในหมู่ผู้นำค่อนข้างมาก เพราะธรรมในวงการทูตจะพูดจากันภาษาดอกไม้ มีการพูดคุยกันด้วยภาษารุนแรง มีการแบ่งพรรค แบ่งโซน อย่างชัดเจน เราเองเป็นประเทศที่เป็นกลาง ทำตัวลำบาก เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย
ส่วนเรื่องการพบปะนักธุรกิจ ถือเป็นเรื่องใหญ่ และใช้เวลาพบปะเยอะมากทั้ง Amazon Google Facebook Microsoft Apple ทุกคนมาคุยกับเราด้วยท่าทีที่อยากจะมาลงทุนจำนวนมาก ส่วนมากที่จะมาลงทุนก็ต้องอาศัยนิคมอุตสาหกรรม มีบางนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจ อาจจะไม่ตรงกับเป้าหมายของเราเท่าไหร่ แต่เข้าใจว่านิคมอุตสาหกรรมมีอยู่ทั่วประเทศ อยากให้ทุกท่านทำความเข้าใจ พูดคุย กับนักธุรกิจที่ต้องมาลงทุนต่างๆอาจจะต้องมีการพบปะพูดคุยกับบีโอไอประจำพื้นที่ ถ้าเข้าใจหลักการถึงสิทธิประโยชน์ในเรื่องของภาษีอาจจะมาลงลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม นอกเหนือจากอีอีซี ก็จะมีนิคมอุตสาหกรรมส่วนอื่นด้วย ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายหลักของต่างประเทศที่จะมาลงทุน และจำทำให้ยกระดับรายได้ของพี่น้องประชาชนในระยะกลางและระยะยาวให้เป็นประโยชน์ต่อไป
ทั้งนี้ ตนเองมีโอกาสพูดคุยกับ apple ซึ่งเป็นบริษัทมือถือ เขามาขอพบตนเอง ยอมรับว่าตกใจ เพราะจริงๆ แล้วเราเป็นคนตัวเล็กๆ ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายขอเข้าพบ ครั้งนี้ Tim Cook เป็นผู้บริหารระดับใหญ่ของบริษัท มาพูดคุยกับทีมเรา ตนเองก็กะวนกะวายนิดหน่อย ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร ซึ่งเขามากันทั้งทีม มาเพื่อปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันว่า Apple มี supply chain ในประเทศไทยที่มีคุณภาพ และคนที่พัฒนา Applicationในไทยมีถึง 3 แสนคน สูงเป็นที่สองในอาเซียน คิดว่าอันดับหนึ่งคือประเทศอินโดนิเซีย แต่อย่าลืมว่าประเทศอินโดมีประชากร เยอะกว่าไทย 4-5 เท่า ซึ่งตนเองก็ได้เสนอไปว่ามีผู้พัฒนาแอปฯ ใน จ.เชียงใหม่ เยอะ จึงเสนอว่าอยากให้มาร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยที่รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือ อาจจะเป็นจุดแรกที่ทำให้ apple อาจเข้ามาทำงานกับเราได้
นอกจากนี้ตนมีโอกาสไปพูดคุยกับ มหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับโลก มีหน่วยงานมาฝังตัวที่ จ.น่าน และเชียงใหม่ แล้ว มาทำเรื่องของการทำลายป่า แหล่งน้ำ และฝุ่น PM 2.5 เข้ามีความตั้งใจจะมาทำงานกับเราต่อ เพื่อดูแลและหาทางแก้ไขอย่างบูรณาการในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ โดยรัฐบาลจะประสานงานและดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป
ขณะที่ เมื่อวานก่อนที่สภาพัฒน์ฯ จะแถลงตัวเลขทางเศรษฐกิจ ตนเองมีโอกาสได้พูดคุยกับเลขาฯ ก่อน พอตนเองเห็นตัวเลขออกมาที่ 1.5% ในไตรมาส 3 ซึ่งตนถือว่าตัวเลขที่วิกฤต เพราะประเทศ คู่แข่งอย่าง มาเลเซีย ก็ยังเติบโต อยู่ที่ 3.3% ของเราเมื่อคูณสองก็ยังไม่เทียบเท่าเขา ยังคงต่ำกว่าเขาเท่าหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งของเราโดยตรงจริงๆ ก็ยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง โดยเลขาธิการสภาพัฒน์ เป็นผู้บอกกับตนเองอย่างชัดเจนว่า ติดว่าจะเห็นเลข 2 แต่ก็ไม่เห็น ไม่ใช่ 1.9 1.8 1.7 1.6 แต่คือ 1.5 ซึ่งถือว่าต่ำมาก จึงขอเน้นย้ำว่าเรื่องนี้จำเป็น สำคัญและเร่งด่วน สำหรับประเทศนี้
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ยังย้ำถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น และเข้าใจว่า สส.ทุกคนที่เป็นตัวแทนของประชาชน เข้าใจว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนเหมือนกัน.-สำนักข่าวไทย