พรรคก้าวไกล 10 พ.ย.-“พริษฐ์” ชี้ผลงานรัฐบาล 60 วัน ยังพิสูจน์ยาก ผลงาน 6 เดือน คือบทพิสูจน์จริง จับตาโจทย์ใหญ่นโยบายเศรษฐกิจ การเมือง ลดค่าไฟค่าน้ำมัน เงินดิจิทัล 10,000 บาท
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความถึงการแถลงผลงานในรอบ 60 วัน ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ว่า เป็นการสรุปสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการตั้งแต่ตั้งรัฐบาลเสร็จ แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลได้ออกหลายมาตรการลักษณะ “quick wins” ที่หวังผลระยะสั้นทันที แต่ในภาพรวม ยังคงไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าผลงานของรัฐบาลในห้วง 60 วันที่ผ่านมา จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบและยั่งยืนตามที่ประชาชนคาดหวังได้จริงหรือไม่
“ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะทำไม่ได้หรือไม่พยายาม เพียงแต่ว่า 60 วัน ที่ผ่านมาอาจยังพิสูจน์อะไรได้ยาก เนื่องจากบทพิสูจน์ที่แท้จริง น่าจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า (ธ.ค. 66 – พ.ค. 67) ที่ตนอยากชวนประชาชนทุกคนร่วมกันจับตามอง คือมาตรการ quick wins ของรัฐบาล ที่เป็นการลดค่าครองชีพ จะถูกพิสูจน์ว่ามีความยั่งยืนหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟที่ลดไปได้ด้วยการยืดหนี้ กฟผ. มีความเสี่ยงจะเด้งกลับขึ้นมา หากไม่มีปรับโครงสร้างราคา-ตลาด หรือค่าน้ำมัน ที่ลดไปได้ด้วยการลดภาษีสรรพสามิต จะเจอแรงกดดันหลายทางจากรายได้รัฐที่หายไปและราคาน้ำมันที่อยู่ในขาขึ้น หรือ ค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ทำสำเร็จในสายสีม่วงกับสีแดง จะถูกพิสูจน์ว่าสามารถขยายไปสู่สายที่มีผู้โดยสารใช้เยอะที่สุด เช่น สายสีเขียว ได้หรือไม่” นายพริษฐ์ กล่าว
โฆษกพรรคก้าวไกล ยังเรียกร้องให้ประชาชนจับตานโยบาย “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” จะเริ่มดำเนินการและเริ่มเห็นผลลัพธ์ เบื้องต้น รายละเอียดทั้งหมดของโครงการจะถูกเคาะ เช่น เงื่อนไขการใช้จ่ายของประชาชน การแปลงเป็นเงินสดของร้านค้า เครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่จะใช้ โดยหลายส่วนน่าจะรวมอยู่ในแถลงวันนี้(10 พ.ย.) ซึ่งจะทำให้การประเมินข้อดี-ข้อเสียนโยบาย ทำได้บนข้อมูลที่ครบถ้วน
“หากเริ่มแจกได้จริงในไตรมาส 1 ของปี 2567 ตามที่เคยสัญญา เราจะเริ่มเห็นถึงผลกระทบเบื้องต้นต่อการใช้จ่ายและการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ ขณะที่ในส่วนของต้นทุน หากยังเป็นการให้ประชาชนทุกคน 10,000 บาท ตามที่เคยสัญญา เราจะเห็นว่างบประมาณ 560,000 ล้านบาทที่ต้องใช้ จะมาจากช่องทางไหน และแลกมาด้วยอะไร เช่น การปรับลดงบส่วนอื่น รวมถึงผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลัง” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงนโยบายหลักด้านการเมืองของรัฐบาลว่า จะเจอ “เส้นตาย” ที่ทำให้เห็นการตัดสินใจของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น เรื่องรัฐธรรมนูญ ภายใน ม.ค. 67 รัฐบาลจะต้องมีข้อสรุปจากคณะกรรมการศึกษาแนวทางประชามติฯ ว่าจะเดินหน้าต่อเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร ประชามติครั้งแรกจะเกิดขึ้นหรือไม่ ด้วยคำถามแบบไหน และรัฐบาลคาดว่าประเทศจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในเมื่อไร ส่วนเรื่องเกณฑ์ทหาร ภายใน เม.ย. 67 เราจะเห็นว่าประเทศจะยังมีเยาวชนกี่คนที่ถูกบังคับไปเป็นทหาร โดยที่ไม่อยากเป็น ซึ่งจะแปรผันตามเจตจำนงของรัฐบาลในการลดหรือเลิกการเกณฑ์ทหาร รวมถึง กฎหมายกว่า 30 ฉบับที่พรรคก้าวไกลเสนอ จะเรียงกันเข้าสภาฯ ทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าจะมีจุดยืนอย่างไร
“ปฏิทินการเมืองจะมีหมุดหมายสำคัญหลายเหตุการณ์ ที่เป็นบทพิสูจน์เสถียรภาพและความเป็นเอกภาพระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ การพิจารณา พ.ร.บ. งบประมาณ 2567 ในสภาฯ ช่วง ม.ค.-เม.ย. 67 จะเป็นบทพิสูจน์ว่างบประมาณจะถูกจัดสรรให้กับนโยบายของทุกพรรคร่วมรัฐบาล อย่างเป็นธรรมและเป็นที่น่าพึงพอใจของทุกพรรคหรือไม่ ภายใต้เงื่อนไขว่างบประมาณจำนวนมากต้องใช้ไปกับนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคแกนนำฯ” นายพริษฐ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดอภิปรายทั่วไป โดยฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นตามมาตรา 152 ที่เป็นการซักถาม-เสนอแนะ หรือ ตามมาตรา 151 ที่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนปิดปีแรกของการประชุมสภา หรือ เม.ย. 67 และจะเป็นครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ และการหมดอายุลงของบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 ในเดือน พ.ค. 67 รวมถึงอำนาจ สว. ในการเลือกนายกฯ ตาม มาตรา 272 จะทำให้เงื่อนไขสำคัญที่พรรคแกนนำเคยอ้างว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องรวมตัวกับพรรคอื่นที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองหรือจุดยืนทางนโยบายที่แตกต่างกันในอดีต หายจากสมการ.-สำนักข่าวไทย