รัฐสภา 9 พ.ย.-สส.ก้าวไกล ประสานเสียง 2 เดือน รัฐบาลไม่มีผลงาน ติงนายกฯ ไม่มาตอบกระทู้ ขอเข้าพบขณะลงพื้นที่ระยองเพื่อสะท้อนปัญหาก็ถูกปฏิเสธ
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ปฏิเสธให้คะแนนผลงานรัฐบาล 2 เดือน ว่า ขอไม่ตอบเป็นตัวเลข แต่อาจจะตอบว่ามีความคาดหวังกับการแก้ปัญหาต่าง ๆ มากกว่านี้ อย่างปัญหาหนึ่งที่ตนเรียกว่าเป็นบทบาทเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของชายแดน ไม่มีความคืบหน้าเลย และนึกไม่ออกว่า ก่อนรัฐบาลนี้เข้ามากับ ณ วันที่เข้ามาและทำงานแล้วมีความแตกต่างอะไร ซึ่งยังไม่เห็นความคืบหน้าเรื่องนี้ ปัญหาการใช้กฎหมายที่อาจจะกระทบสิทธิมนุษยชนด้านต่าง ๆ ก็ยังไม่ได้เห็นความคืบหน้าเช่นกัน
“ถ้าดูการทำงานในสภาฯ สส.รัฐบาลที่มีเกินครึ่ง ยังไม่พิจารณากฎหมายเป็นเรื่องเป็นราว จนถึงวันนี้เรายังไม่ได้เห็นความสำเร็จอะไร หรือแม้กระทั่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ไม่เคยมาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านแม้แต่ครั้งเดียว ผมให้คะแนนลำบาก จึงไม่อยากกำหนดเป็นตัวเลข เพราะให้คะแนนไม่ได้ และอาจจะไม่ไปวิจารณ์นโยบายอื่น ๆ แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ตนกำลังทำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องอาชญากรรม ปัญหาสังคม ปัญหาการเมือง เรายังไม่เห็นความคืบหน้า และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีความสำคัญ ทั้งที่มีความสำคัญไม่ต่างอะไรกับปัญหาอื่น ๆ ในสังคม” นายรังสิมันต์ กล่าว
ด้านนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า รู้สึกเช่นเดียวกับนายรังสิมันต์ ที่ไม่อยากให้คะแนน เพราะไม่เห็นความคืบหน้าเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือการสร้างสันติภาพ คงจะให้ติด ร. คือเขาไม่ส่งข้อสอบ และเขาไม่ทำการบ้าน จึงประเมินยาก แต่เราต้องให้โอกาส ซึ่งการติด ร. ไม่ใช่ได้ศูนย์ แต่หมายความว่ารอที่จะให้แสดงผลงาน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีหัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพหลายเดือนแล้ว เข้าใจว่าทางคู่สนทนาของรัฐบาลและทางประเทศมาเลเซียก็รออยู่ ความคืบหน้าเรื่องนี้เป็นศูนย์ และไม่แน่ใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้มีความท้าทายอยู่หลายเรื่อง แต่โครงสร้างและการใช้อำนาจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแทบจะเป็นศูนย์ และเรามองไม่เห็นว่าเราจะถามใคร หรือจะให้ใครมาตอบเรื่องนี้
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่กล้าแตะเรื่องความมั่นคง นายรอมฎอน กล่าวว่า เป็นข้อสังเกตของตนตั้งแต่วันแถลงนโยบาย ซึ่งมีสมมติฐานอยู่ 2 แบบ อาจจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ เขาไม่แยแส ไม่สนไม่แคร์ หรือไม่ได้สนใจเลย หรือไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่สนใจ กับอีกแบบคือ ไม่กล้าแตะ อย่างไรก็ตาม การที่ไม่กล้าแตะ เพราะเป็นเขตทหาร เป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ การตัดสินใจอะไรบางอย่างที่ก้าวก่ายไปในอาณาเขตของทหารต้องระมัดระวัง ซึ่งความจริงคงจะไม่สุดขั้วขนาดนั้น อาจจะอยู่ระหว่าง 2 แบบ
ขณะที่นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องให้คะแนน ตนยังคงให้โอกาสรัฐบาลที่จะมีพื้นที่ในการทำงาน เพราะเข้าใจว่า รัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงานภายหลังจากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อเข้ามารับช่วงต่อ เขาคงมีความตั้งใจจริงที่จะผลักดันสิ่งที่เขาคาดหวัง จะผลักเป็นนโยบายเพื่อปรับเปลี่ยนประเทศ เขาก็ต้องการพิสูจน์ความแตกต่างจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
“แต่ก็น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรแตกต่าง นอกจากชื่อนายกรัฐมนตรี ตนเข้าใจว่าเขาคงจะพยายามผลักดันจริง ๆ และคงต้องอาศัยเวลาทำงานร่วมกับข้าราชการที่อยู่มาอย่างยาวนานมากกว่า แต่เวลาแห่งความอดทน และการให้โอกาสของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ผมจึงไม่แน่ใจว่า เวลาที่เขาจะพิสูจน์บทการทำงานในฐานะรัฐบาลครั้งนี้ จะแถลงออกมาเช่นไร แต่ก็อยากให้ถามทางรัฐบาลด้วยว่าจะมีระยะเวลาการแถลงโรดแมปอย่างน้อยภายในรอบ 1 ปีนี้ ประชาชนจะได้เห็นอะไรบ้าง เพราะตอนนี้ผมไม่กล้าให้เกรด ร. มส. เพราะยังไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ลองถามรัฐบาลว่า 1 ปีนี้จะมีนโยบายใดสำเร็จบ้าง เพื่อจะให้สมกับการให้คะแนน” นายชุติพงศ์ กล่าว
นายชุติพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.ระยอง ในเขตของตนเองว่า สิ่งหนึ่งที่ตนให้คะแนนตกเลย คือ เขาไม่ทำงานร่วมกับ สส.ในพื้นที่ ไม่มีหมายเชิญไม่เป็นไร ตนขอติดต่อไปโดยตรง เพื่อเข้าไปสะท้อนปัญหาที่ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรใหญ่โต และตนประสานไปว่า คงจะเป็นการดีถ้านายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสรับฟังผู้แทนในพื้นที่ที่รับทราบปัญหาและมีโอกาสแก้ไข แต่เขาไม่ยอมให้ตนเข้าพบ ตนพยายามแล้วพยายามอีก ตนขอ 5-10 นาที ก็ไม่ให้เข้าพบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก จากที่ไม่ตอบกระทู้ในสภาฯ ของพรรคก้าวไกล ไปในพื้นที่ตน อยากจะเอาปัญหาประชาชนมาให้ก็ไม่รับ ทั้งที่ภาพการทำงานร่วมกันเป็นภาพที่ประชาชนคาดหวังจากทั้งเราและรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย