“สส.ปูอัด” เสียงสั่นเครือ น้อมรับมติพรรค

กทม. 7 พ.ย.-“สส.ปูอัด” น้อมรับมติพรรค ขอโทษ 40,000 กว่าเสียงที่ทำให้ลำบากใจ ยันเป็นความผิดส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค ขอยังเชื่อมั่นในก้าวไกล พร้อมยกมือหนุน กม.ก้าวไกล ขอครั้งนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญ

นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก ภายหลังพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ และตาแดงๆว่า เบื้องต้นได้ทราบคร่าวๆ ถึงมติพรรคก้าวไกลและขอน้อมรับมติของพรรค เพราะตนทำให้พรรคเสียหายมามากจริงๆ และฝากไปถึงพี่น้องประชาชน ว่ายังอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกล อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัว สส.ที่ยังอยู่ในพรรคก้าวไกล ยังอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าในอนาคต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ยังคงเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้เป็นที่ตัวบุคคล ไม่ใช่พรรค


นายไชยามพวาน กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้น อย่าถือโทษกับพรรคเลย ขอให้ถือโทษที่ตนทั้งหมด ตนยังอยากให้ทุกคนที่ยังคงเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล ยังคอยผลักดันดันหลังพรรคก้าวไกลตลอด ตนยังอยากให้ประชาชนทุกคนคอยติดตามกฎหมาย เหมือนที่พรรคก้าวไกลเคยบอกว่า ถึงจะเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก โทษในครั้งนี้คือตนคนเดียว ไม่ใช่พรรคก้าวไกล ยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากให้ทุกคนโฟกัสหลังจากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดสรรที่ดินตัวใหม่ที่พยายามยื่น และแก้ไขอยู่ เรื่องข้อเสนอยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เรื่องสวัสดิการถ้วนหน้า วันนี้ในการลงพื้นที่ เพื่ออยากให้ทุกคนเห็นว่า เมื่อเราออกมาจากห้องแอร์แล้ว เราเห็นประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ อยากให้ทุกคนยังคงเชื่อว่าการสร้างสวัสดิการถ้วนหน้าเป็นนโยบายที่พรรคก้าวไกลพยายามดันอยู่ จะสร้างประเทศที่ทุกคนเท่ากันได้

เมื่อถามว่าส่วนตัวเสียใจหรือไม่ ว่าในกรณีนี้ของตนเอง จะทำให้พรรคก้าวไกลขาดความเชื่อมั่น และศรัทธากับประชาชนมากขนาดนี้ นายไชยามพวาน กล่าวว่า เป็นความผิดของตนเองทั้งหมด ไม่ใช่ของพรรคเลย ตนยังคงยืนยันว่า พรรคก้าวไกลยังเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ ยังมีบุคคลที่เก่งๆ อีกมาก วันนี้เป็นที่ตัวบุคคล ตนไม่อยากให้ทุกคนไปล่าแม่มด หรือไปพูดอะไรกับใคร พรรคก้าวไกลยังคงยืนหยัดในการทำงานเพื่อทุกคน ทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฏร


เมื่อถามว่า ส่วนตัวตัดสินใจอย่างไร เนื่องจากการแสดงออกเช่นนี้ ดูเหมือนไม่อยากออกจากพรรคก้าวไกล นายไชยามพวาน กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าไม่อยากไปจากพรรคก้าวไกล ตนแค่อยากให้ทุกคนมองว่าเป็นที่ตน ไม่ใช่พรรค

เมื่อถามว่า ยอมรับว่ากระทำผิดในกรณีนี้ใช่หรือไม่ นายไชยามพวาน กล่าวว่า เป็นกระบวนการยุติธรรมที่เห็นว่า มีคนไปยื่นกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ได้กระทำ ยอมรับผิดหรือไม่ หรือรอผลวินิจฉัยของ ป.ป.ช. นายไชยามพวาน กล่าวว่า รอผลคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.


เมื่อถามว่า ส่วนตัวยังคงยืนยันที่จะทำงาน สส. ต่อใช่หรือไม่ นายไชยามพวาน กล่าวว่า ตนยังคงจะตั้งใจทำงาน ไม่ใช่แค่ลงพื้นที่ทุกวันแบบปกติ แต่ต้องทำมากกว่าเดิมหลายเท่า

“ผมเคยพูดคำนึงครับว่า จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เดินออกสภาฯ ผมต้องขอโทษ 47,650 คะแนนทุกคน ที่วันนี้ทำให้หลายคนลำบากใจ รวมถึงพรรคก้าวไกล และสังคมด้วย” นายไชยามพวาน กล่าว

ส่วนที่คนใกล้ชิดบอกว่านายไชยาพวาน ไม่ได้ผิดนั้น ถือเป็นความคิดของคนใกล้ชิด ในที่สุดแล้วสิ่งที่ผิด คือตนที่ทำให้พรรคเจ็บขนาดนี้ เป็นรอยร้าวที่มากมายอย่างที่ทุกคนเห็น ก็เหมาะสมแล้วที่ตนจะถูกพรรคขับออกมา และท้ายที่สุดอยากให้พี่น้องประชาชน อย่าถือโทษโกรธพรรคเลย เพราะทุกคนในพรรคพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อสร้างประเทศในฝัน

ส่วนจะไปสังกัดพรรคการเมืองไหนนั้น นายไชยามวาน กล่าวว่ายังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น แต่สิ่งที่คงจะต้องทำตอนนี้ ยังมีปัญหาอีกหลายอย่าง และคงต้องถามประชาชนว่าอยากให้ตนเองในจุดไหน ซึ่งตนก็ยังคงมีอุดมการณ์ไม่ต่าง จากพรรคก้าวไกล และยังขอยืนยัน ป็นส.สและเมื่อกระบวนการยุติธรรมเสร็จสิ้นลงถ้าบอกว่าตนผิดก็พร้อมที่จะพิจารณาลาออก

เมื่อถามว่าที่ไม่ลาออกเพราะยึดติดกับตำแหน่งหรือหัวโขนนั้น นายไชยามพวาน กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์และวันนี้ตนก็เหมือนเด็กที่ได้เรียนรู้ และเมื่อมาเป็น สส.ก็ปรับตัว และยังคงบอกว่าวันนี้ทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ตนได้ เพราะตนเป็นบุคคลสาธารณะ คงไม่ได้ขอโอกาสจากพรรคอีก เพราะเชื่อว่าทุกคนได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็ขอให้ทุกคนโชคดี

เมื่อถามว่า เราได้บทเรียนอย่างไร ในครั้งนี้ นายไชยามพวาน กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนมหาศาลในช่วงวัยของตน ที่ปรับตัว และเรียนรู้ช้าไปว่าเราเป็นคนสาธารณะแล้ว และเป็นบทเรียนที่อยากจะส่งต่อให้กับหลายคนในอนาคต ว่าเมื่อเป็นบุคคลสาธารณะแล้วบางอย่างในวันที่ตนเป็นบุคคลธรรมดาอาจจะทำได้ แต่พอเป็นบุคคลสาธารณะแล้วปฏิเสธไม่ได้ ว่า เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะทำอะไรไม่ได้และอยากให้เนื้อเรื่องของตนเป็นบทเรียนกับสังคม และเพื่อน สส. ทุกคน และเป็นบทเรียนในอนาคต

ส่วนที่พรรคระบุไม่รู้สึกผิดและไม่ขอโทษผู้เสียหายอย่างจริงใจ นายไชยยามพวาน กล่าวว่า คำว่าจริงใจตีความได้หลายอย่าง จึงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะวันนี้ตนเป็นแค่บุคคลหนึ่งที่ออกมาจากพรรคแล้ว และไม่อยากทำอะไรให้พรรคต้องแปดเปื้อนไปมากกว่านี้ เพราะเป็นบ้านที่ให้โอกาสของตนและจะขอออกมา และขอให้พรรคเดินหน้าต่อไป ตามอุดมการณ์ของพรรคและประสบความสำเร็จ และวันหนึ่งพรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาลในอนาคต

สำหรับกรณีที่คนใกล้ชิดตัดโลโก้พรรคออกนั้น นายไชยามพวาน กล่าวว่า การตัดโลโก้พรรคเป็นเรื่องที่มนุษย์มีอารมณ์ แต่ยืนยันหากมีอะไรที่ตนจะช่วยยกมือในสภาก็จะช่วยผลักเต็มที่เท่าที่จะทำได้
เมื่อถามยามว่าจะชี้แจงอย่างไรสำหรับ ข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศ นายไชยามพวาน กล่าวว่า ลำบากใจที่จะพูดอีกครั้ง ขอให้อยู่ในส่วนที่ต้องไปชี้แจงใน ปปช. ดีกว่า หากพูดอะไรมากไปกว่านี้จะไม่ดี ขอยืนตรงนี้ก็ยอมรับและขอโทษสังคมและเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตของตนและอยากให้เป็นบทเรียน แล้วจะไม่ฟ้องร้อง อยากให้จบแต่เพียงเท่านี้ ขอพิสูจน์ในชั้น ปปช.

เมื่อถามว่ามีอะไรอยากจะบอกน้องผู้เสียหายหรือไม่ นายไชยามพวาน นิ่งไปพักหนึ่งพร้อมตาแดงๆ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า พูดลำบากจริงๆ เพราะเป็นทีมงาน แล้วตนเป็นคนหนึ่งที่ถูกขับออกมาแล้ว หลายๆ อย่างก็พูดแล้ว อยากจะฝากให้เป็นบทเรียนกับสังคม วันนี้อยากให้ทุกคนดูการทำงานของตน อยากให้เห็นว่า พื้นที่ที่ตนเข้ามาทำงานมีความลำบากจริงๆ แม้จะเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร

นายไชยาพวาน ยังชี้แจงถึงกรณีที่ชอบโค้ง ว่า ตนเป็นคนบุคลิกแบบนี้ เจอใครทั้งไหว้และโค้งเคารพ และแสดงความเคารพประชาชนเพื่อให้เห็นว่า ส.ส ไม่ได้เหนือใคร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]