กระทรวงมหาดไทย 6 พ.ย.- “อนุทิน” เผย เตรียมเร่งทำประชาพิจารณ์พื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง สนองนโยบายขยายเวลาเปิด – ปิดสถานบริการ ให้ทันภายใน 15 ธ.ค.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย
นายอนุทิน เปิดเผยถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีคำสั่งให้ดำเนินการนโยบายเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ธันวาคม ว่า เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น โดยให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด โดยให้เน้นจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวสูง เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา
“อย่างแม่ฮ่องสอน ก็ถือว่าเป็นจังหวัดท่องเที่ยว แต่ให้เปิดถึงตี 4 ผมว่าไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นแต่ละจังหวัดจะไปทำ Public Hiring รับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นขั้นตอนในการออกประกาศกระทรวง และนำเสนอคณะรัฐมนตรี” นายอนุทิน กล่าว
ในส่วนของกฏหมายที่ยังเป็นปัญหาในการดำเนินนโยบายนั้น นาย อนุทิน กล่าวว่า ต้องมีการแก้ไขกฏหมายต่อไป ต้องมาดูว่ามีอะไรที่ขัดแย้งกันหรือไม่ เช่น พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่ระบุว่า ห้ามผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาอื่น นอกจากตั้งแต่เวลา 11.00 – 14.00 น. และ 17.00 – 24.00 น. ซึ่งมีผลให้ร้านขายอาหารที่ไม่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เข้าข่ายเป็นสถานบริการ ก็จะสามารถเปิด 24 ชั่วโมงได้ แต่ร้านที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขาย กลับไม่สามารถขายได้ในเวลาที่ขยาย สถานะของร้านนั้น ๆ ก็จะไม่นับเป็นสถานบริการไปด้วย ซึ่งการแก้ไขกฎหมายต้องหารือกันภายในกระทรวงก่อน ว่าจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอย่างไร และต้องหารือกับคณะรัฐมนตรีเพิ่มเติมในการลดขั้นตอนหรือระยะเวลาในการประกาศบังคับใช้ เนื่องจากหากทำตามขั้นตอนในปัจจุบันอาจไม่ทันการ
นายอนุทิน ยังกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวนั้นมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี จึงต้องรับฟังความเห็นที่หลากหลายของประชาชนประกอบด้วย ส่วนในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูง ส่วนมากล้วนมีสถานบริการประเภท 1 ที่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว จึงไม่มีความน่าเป็นห่วง นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินนโยบายและภารกิจต่างๆ ที่กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมาย และให้แต่ละหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการก่อนหน้านี้ และได้มอบหมายนโยบายและแนวทางภารกิจในการ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ซึ่งจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้ากันในเดือนต่อไป.-สำนักข่าวไทย