“พีระพันธุ์” ปลุกสมาชิกพรรคให้มีความภาคภูมิใจในความเป็น “รวมไทยสร้างชาติ”

กรุงเทพฯ 4 พ.ย. – “พีระพันธุ์” ปลุกสมาชิกพรรค-ตัวแทน-สาขาพรรค รทสช. ให้มีความภาคภูมิใจในความเป็น “รวมไทยสร้างชาติ” ที่ยึดมั่นทำงานเพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนทุกคน ไม่มีแบ่งแยก ย้ำตั้ง “สถานียุติธรรม” เป็นศูนย์รวมรับและแก้ปัญหาให้ประชาชนทั้งประเทศ


ที่โรงแรมอัญชาลีน่าแกรนด์ กรุงเทพฯ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นประธานเปิดอบรมสัมมนาตัวแทนสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายใต้หัวข้อ “สถานียุติธรรม” (ศูนย์ประสานงานรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน) โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร รองหัวหน้าพรรค นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ รองหัวหน้าพรรค นายโกวิท ธารณา รองหัวหน้าพรรค พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผอ.พรรค พร้อมผู้บริหารพรรค สมาชิกและตัวแทนสาขาพรรค ร่วมกิจกรรมคับคั่ง

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ทุกคนได้มีโอกาสมาพบกันครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง ช่วงที่ผ่านมาทุกคนในพรรคได้ช่วยกันทำงานอย่างหนัก โดยมีเป้าหมายเพื่อการทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน ตั้งแต่ตน และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เริ่มทำพรรครวมไทยสร้างชาติมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 1 ปีเศษแล้ว ครั้งนั้นเป็นการเริ่มต้นแบบไม่มีอะไรเลย มีเพียงความมุ่งมั่น ความตั้งใจในการทำพรรคว่าจะไปในทิศทางไหน


นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนและนายเอกนัฏมีประสบการณ์เป็น สส.เขตมาก่อน จึงมีความใกล้ชิดกับประชาชน ทำให้ทราบว่า ประชาชนมีปัญหาแต่ไม่มีที่พึ่ง ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่มักจะส่งไปไม่ถึงผู้บริหารในระดับรัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้ประชาชนคิดว่าปัญหาของพวกเขาถูกมองว่าไม่ได้รับความสำคัญ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ตนคิดว่าจะทำพรรคการเมืองอย่างไรที่สามารถช่วยเหลือประชาชน และพร้อมจะฟังปัญหาของชาวบ้าน นำปัญหาเหล่านั้นมาแก้ไขให้มากที่สุด แม้ในทางปฏิบัติจะไม่สามารถแก้ไขให้สำเร็จได้ทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าพรรคใส่ใจ พยายามแก้ไขปัญหาให้ เพื่อให้ประชาชนมีกำลังใจในการต่อสู้กับปัญหาเหล่านั้น

“เพราะความตั้งใจในการทำงานโดยมุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนเป็นหลัก ทำให้ไม่เคยคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องเติบโตมามีอำนาจทางการเมือง หรือต้องมี สส.จำนวนมากอย่างเดียว แต่ตั้งใจว่าจะมาช่วยกันสร้างพรรคแบบนี้สักครั้ง อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าได้พยายามทำและลงมือทำแล้ว จึงได้พยายามขายความคิดแบบนี้ให้กับทุกๆ คนที่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อทำงานให้กับประชาชนในการ “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” ซึ่งเป็นความเป็นตัวตนของตนตลอดชีวิตทางการเมือง และอยากจะให้มีพรรคการเมืองที่ทำงานกันแบบนี้อย่างแท้จริง นี่คือความเป็นมาที่อยากจะให้ทุกคนได้ทราบว่าพรรคนี้ตั้งขึ้นมาไม่ใช่เพื่อแสวงหาโอกาสทางการเมืองให้กับหัวหน้าพรรค ให้กับผู้บริหารพรรคหรือสมาชิกพรรค แต่แสวงหาโอกาสทางการเมืองช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน” นายพีระพันธุ์ กล่าว

หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลังการเลือกตั้งไม่เคยปรากฏข่าวว่าพรรคไปวิ่งเต้นขอเข้าร่วมรัฐบาล หรือต่อรองขอตำแหน่ง ร้องขอกระทรวงใดๆ แต่เมื่อมีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาลก็ไม่เคยมีข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติแตกแยกเพื่อแย่งตำแหน่ง นี่คือสิ่งที่ตนรู้สึกดีใจและภูมิใจในสมาชิกพรรคทุกคน สิ่งที่ประชาชนคาดหวังวันนี้คือพรรคการเมือง และสมาชิกพรรคการเมืองที่แตกต่างจากพรรคการเมืองเดิมๆ ที่ประเทศนี้เคยมี เมื่อตนเข้ามาทำหน้าที่ในคณะรัฐมนตรีก็พยายามทำด้วยความตั้งใจมาตลอดชีวิต และตั้งใจให้เป็นภาพของพรรครวมไทยสร้างชาติที่เข้ามาทำงานจริง และแก้ไขปัญหาจริง พรรคอื่นอาจจะทำไม่ได้ แต่พรรครวมไทยสร้างชาติทำให้ได้ มาถึงวันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วพรรครวมไทยต่างชาติทำได้ เมื่อมีคนมาถามว่าทำไมทำได้ ตนบอกว่าเพราะมีสมาชิกพรรคสนับสนุน เพราะประชาชนสนับสนุนและเพราะนโยบายที่ยึดมั่นอย่างเข้มข้นตลอดว่าเรามาเพื่อทำงานให้กับชาวบ้าน ถ้าไม่ได้มาเพื่อแสวงหาประโยชน์ ทุกอย่างถ้าไม่มีประโยชน์ส่วนตัวทำได้ทั้งหมด


นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า สมัยที่ตนเป็น รมว.ยุติธรรม เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ได้เห็นปัญหาแบบเดียวกัน ตอนลงไปตรวจราชการ ได้มีโอกาสอ่านหนังสือร้องเรียน พบว่าปัญหาแตกต่างกัน แต่หัวใจของปัญหาเหมือนกัน คือความเดือดร้อน ไม่มีที่พึ่ง ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร ตอนนั้นจึงได้ตั้งโครงการ “สถานียุติธรรม” ขึ้นมา เริ่มต้นด้วยการรับสมัครอาสาสมัครยุติธรรมทั่วประเทศ ดำเนินการในนามกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ชาวบ้านได้เข้ามาร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อน เพราะส่วนใหญ่ไม่กล้าไปสถานีตำรวจ และไม่มั่นใจ บางคนบอกว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้รับความสำคัญ จึงเป็นจุดคิดว่าถ้าหากสังคมอยู่กันแบบนี้จะอยู่ไม่ได้แน่ หากชาวบ้านรู้สึกว่าไม่มีความยุติธรรมในสังคม ก็เหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก”

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสังคมนี้ทำให้คนรู้สึกอึดอัดใจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความแตกแยก ตนจึงตั้งโครงการสถานียุติธรรม รับสมัครสมาชิกมาเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานียุติธรรม เพื่อทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์เวลาที่ชาวบ้านเดือดร้อน นอกจากไปที่สถานีตำรวจแล้ว ยังมีที่พึ่งก็คือกระทรวงยุติธรรม โดยโครงการสถานียุติธรรมในช่วงนั้นเรียกว่า ยุติธรรมจังหวัด มีการประสานทำงานกับยุติธรรมจังหวัด เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนสามารถให้เจ้าหน้าที่ของสถานียุติธรรม และยุติธรรมจังหวัดช่วยประสานกับหน่วยงานต่างๆ ทำให้ปประชาชนมีที่พึ่งมากขึ้น แต่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระยะต่อมา ก็มีการยกเลิกโครงการนี้ไป สมัยนั้น พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผอ.พรรครวมไทยสร้างชาติในวันนั้น ดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.ยุติธรรม เคยทำหน้าที่ในการช่วยดูแลโครงการสถานียุติธรรมมาก่อน วันนี้ต้องขอบคุณท่าน ผอ.พรรคที่นำโครงการนี้กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า อยากจะย้ำวัตถุประสงค์เป้าหมายของการเข้ามาทำงานการเมืองของทุกคนว่าเข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวม การทำงานการเมืองไม่ได้แปลว่าต้องมีตำแหน่ง ถ้าเมื่อไรรู้สึกเข้ามาเพื่ออยากมีตำแหน่งจะทำงานให้สำเร็จไม่ได้ การเข้ามาทำงานการเมืองคือ การเข้ามาเสียสละทุกอย่างที่เป็นของตัวเองเพื่อคนอื่น เช่นเดียวกับการอบรมโครงการสถานียุติธรรมที่ทำหน้าที่ทางการเมือง คือรับดูแลชาวบ้าน เพราะคือความสุขที่ได้ดูแลและได้มีโอกาสช่วยสังคมช่วยชาวบ้าน เมื่อทำงานไปแล้วจะมีโอกาสได้เป็นดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่าคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่เป็นผลพลอยได้จากการทำงาน

หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังกล่าวย้ำถึงแนวทางการสื่อสารในยุคปัจจุบันเพื่อเผยแพร่ผลงานและแนวทางการรับความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ว่า วันนี้เทคโนโลยีหรือโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสูงมาก ทางพรรคเองได้พยายามปรับปรุงแนวทางใช้โซเชียลมีเดียเพื่อประชาสัมพันธ์ เพราะเข้าถึงประชาชนได้ง่ายและเร็วกว่าในอดีต แต่หากไม่มีเนื้อหาในการเผยแพร่ก็ไม่มีประโยชน์ เนื้อหาที่สามารถนำไปใช้ในโซเชียลมีเดียได้ก็คือ การทำงาน การเข้าไปดูแลประชาชน การเข้าไปดูแลพื้นที่ การเข้าใจปัญหาการรู้วิธีแก้ไขปัญหา และการมีทีมงานที่ดีที่จะช่วย แต่โลกของความเป็นจริงไม่เคยเปลี่ยนคือต้องทำงาน ฉะนั้นสมาชิกพรรคไม่ว่าจะเป็นในระดับใดก็ต้องทำงานในพื้นที่ ขยันดูแลพื้นที่ ถ้าไม่มีผลงานมาปรากฏก็ไม่มีประโยชน์เลย

“การทำงานอย่าเอาการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ต้องทำให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจของทุกคนมาด้วยความตั้งใจช่วยจริงๆ เขาจะเลือกพรรคเราหรือไม่เลือกไม่ใช่ปัญหา ถ้าเขาเป็นประชาชนเราต้องดูแล อย่าแบ่งแยกคน การที่เราจะเป็นพรรคการเมืองที่ดีเราต้องไม่แบ่งแยก ทุกคนคือคนไทย เป็นคนของพรรครวมไทยสร้างชาติทั้งหมด ขอให้ทุกท่านนำแนวทางนี้ไปร่วมกันสรรค์ สร้างโครงการสถานียุติธรรมของพรรครวมไทยสร้างชาติให้เกิดความสำเร็จ ช่วยกันสร้างพรรค สร้างความศรัทธา สร้างความเชื่อมั่นในทางการเมืองให้กับประชาชนว่าพรรครวมไทยสร้างชาติคืออนาคตของเขาและประเทศไทย” นายพีระพันธุ์ กล่าว

สำหรับโครงการอบรมสัมมนาตัวแทนสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “สถานียุติธรรม” (ศูนย์ประสานงานรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน) จัดขึ้นในวันที่ 4-5 พฤศจิกายน ภายในงานเป็นการอบรมให้ความรู้ในประเด็นเชิงกฎหมาย และ แนวทางการดำเนินการด้านการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ เช่น บทบาทการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายโกวิทย์ ธารณา รองหัวหน้าพรรค, แนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมาย “สถานียุติธรรม คือ สถานีของประชาชน” โดยนายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ “ทนายบอน” อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ และการบรรยายเรื่องเศรษฐกิจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ อดีต ผู้สมัคร สส.กทม.พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน “อีสาน กลาง ใต้” รับมือฝนถล่ม

6 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ รับมือฝนถล่ม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.ย. โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” บอกฟอร์มทีม ครม.เรียบร้อยแล้ว-เร่งเดินหน้าแก้ปัญหา

พรรคภูมิใจไทย 5 ก.ย.-“อนุทิน” ขอบคุณเสียงโหวตนั่งนายกฯ คนที่ 32 เร่งเดินหน้าแก้ปัญหาทดแทนโอกาสที่เสียไป เผย วินาทีกราบพ่อ เป็นสิ่งแรกที่อยากทำ ฟอร์มทีม ครม.เรียบร้อยแล้ว บอกผมโอเค พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องโอเค นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภายหลังร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเปิดใจเป็นครั้งแรก หลังจากได้รับการโหวตเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายอนุทินได้กล่าวขอบคุณประชาชน ในโอกาสที่ได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเสียงของประชาชนที่ได้ใช้สิทธิ์ ผ่านสส. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สส.พรรคประชาชน และพรรคการเมืองที่ได้ลงคะแนนให้กับตน หรือพรรคที่ไม่ได้ลงคะแนนให้กับตน โดยการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีนายชัยเกษม นิติสิริ ได้รับการเสนอชื่อโหวตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อการโหวตผ่านพ้นไปแล้ว ก็อยากให้ทุกอย่างมันจบไปด้วยดี และอยากให้เราหันหน้าเข้าหากัน เพื่อทำงานให้กับประชาชน ให้กับประเทศ ในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความรวดเร็ว เพื่อทดแทนโอกาสที่เสียไป ซึ่งตนเชื่อว่าหากเราหันหน้าทำงานด้วยกัน ก็จะทำให้ทะลุเป้าหมายต่างๆ ได้ ส่วนจะผลักดันนโยบายอะไรต่อขอยังไม่ลงรายละเอียด เมื่อถามถึงการเข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดา หลังจากได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทินเล่าว่า นายชวรัตน์ ไม่ค่อยสบาย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งตนก็คิดว่านายชวรัตน์ ก็อยากให้ไปหา จึงเร่งไปกราบเป็นอันดับแรก เมื่อถามว่านายชวรัตน์ให้พรอะไรบ้าง […]

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย