นายกฯ ประกาศไทยพร้อมรับการลงทุนจากต่างชาติ

ถนนวิทยุ 1 พ.ย. – นายกฯ ประกาศความพร้อมประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมรองรับการลงทุนจากต่างชาติ เน้นย้ำความร่วมมือกับภาคเอกชน เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมาย และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำในงาน Foreign Industrial Club Gala Dinner ซึ่งจัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ ห้องคริสตัลฮอลล์ โรงแรมดิ แอทธินี กรุงเทพฯ พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ภายใต้หัวข้อ “การปฏิรูปเศรษฐกิจไทยท่ามกลางวิกฤตรอบด้าน” (Reformation of Thai Economy Amidst Polycrisis) โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าช่วงเวลาหลายปีมานี้ไทยได้เผชิญกับปัญหาที่หลากหลาย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกซบเซา การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น


นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจไทย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของไทยเติบโตโดยเฉลี่ยเพียง 1.8% ต่อปี หนี้ครัวเรือนยังเพิ่มขึ้นจาก 76% ในปี 2555 เป็น 91.6% ในปี 2566 รวมถึงเศรษฐกิจไทยจึงยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากผลกระทบของโรคโควิด-19 และการส่งออกหดตัวลง จากอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูงเพราะต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานสูงขึ้น รวมทั้งการแข่งขันระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าเกษตร ทำให้ไทยต้องแสวงหาหนทางสู่อนาคตเพื่อเติบโตท่ามกลางโลกที่มีการแข่งขันสูง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก รวมถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อมนุษยชาติ

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เร่งด่วนของรัฐบาล คือการทําให้เศรษฐกิจกลับมาเดินหน้า และเตรียมพร้อมประเทศไทยให้ประสบความสําเร็จในระยะยาว ผ่านการลดค่าครองชีพ ส่งเสริมการใช้จ่ายภายในประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างโอกาสให้คนไทย และขยายการลงทุนและธุรกิจ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลกําลังทํางานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ซึ่งนโยบายที่เป็น quick wins รัฐบาลได้ดำเนินการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ระงับการชําระหนี้ชั่วคราวสําหรับเกษตรกร และอยู่ในขั้นตอนของการพักหนี้ให้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอีกประการหนึ่ง คือ นโยบาย Digital Wallet ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่สําคัญ ช่วยเพิ่มกําลังซื้อของประชาชน และเพิ่มการผลิตสินค้า นําไปสู่การจ้างงานและการสร้างงาน ตลอดจนการหมุนเวียนและการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ รัฐบาลยังเริ่มกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านโครงการ Visa Free สําหรับนักท่องเที่ยวจากจีน ไต้หวัน คาซัคสถาน และอินเดีย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในอนาคตด้วย รวมทั้งยังมีแผนที่จะส่งเสริมความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของสถานที่จัดประชุมและนิทรรศการระดับภูมิภาค


สำหรับมาตรการระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลวางแผนดำเนินการ เช่น 1) การทูตทางเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อเปิดประตูสู่ตลาดใหม่สําหรับสินค้าและบริการของไทย รวมถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและระเบียงเศรษฐกิจทั่วประเทศ 2) การเร่งการเจรจา FTA และ Visa Free สําหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย 3) การเพิ่มความสะดวกในการทําธุรกิจและสิทธิประโยชน์ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ 4) การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมไฮเทค อุตสาหกรรมสีเขียวและอุตสาหกรรมด้านความมั่นคง เน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังวางแผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบิน เพื่ออํานวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศและการท่องเที่ยว โดยอีกหนึ่งโครงการที่สำคัญ คือ โครงการ Landbridge เพื่อเชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย ลดระยะการเดินทางผ่านช่องแคบมะละกา และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ให้ประเทศไทย เพื่อเป้าหมายทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคภายในทศวรรษนี้

นายกรัฐมนตรียังประกาศความพร้อมของรัฐบาลในการเปลี่ยนประเทศไทยจากผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีกำไรต่ำและเน้นสินค้าเกษตร ไปสู่ประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีมูลค่าสูง ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายนี้จําเป็นต้องบูรณาการเทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงการผลิตทั้งหมดของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าสูง ซึ่งอุตสาหกรรม S-curve ในอนาคตที่รัฐบาลวางแผน ได้แก่

อุตสาหกรรม EV โดยรัฐบาลมีเป้าหมายเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน EV ที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า จักรยานไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า รวมถึงชิ้นส่วนและส่วนประกอบ ซึ่งรัฐบาลจะออกมาตรการยกระดับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อดึงดูดนักลงทุน ให้สิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จัดตั้งศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ ออกแบบหลักสูตรด้านวิชาการเพื่อพัฒนาแรงงานให้มีทักษะ และขยายสถานีชาร์จไฟฟ้า เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทานการผลิต EV ที่ครอบคลุมในอาเซียน

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ผ่านการวางแผนที่จะยกระดับการลงทุนต้นน้ำ โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ระดับโลกและทันสมัย รวมถึงวางแผนที่จะเพิ่มทักษะแรงงานไทย เพื่อเสริมสร้างนักพัฒนา และส่งเสริมระบบนิเวศที่เหมาะสมในการผลิต ทั้งไมโครชิป ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สําหรับ EV และแผงวงจรไฟฟ้าขั้นสูง

อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ(Automation) รัฐบาลจะส่งเสริมการลงทุนในการผลิตและบริการด้านหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ การรวมระบบ(system integration) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมีผลิตภัณฑ์เป้าหมายคือ ระบบการคลังสินค้าอัตโนมัติ หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ และหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน(collaborative robot) ที่สามารถทํางานร่วมกับมนุษย์ได้

อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทําให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพทั้งในภูมิภาคและโลก พร้อมทั้งวางแผนที่จะขยายการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์

อาหารแปรรูป นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเพิ่มมูลค่าการส่งออกอาหารของไทย โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรด้วยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์สภาพดินที่ครอบคลุม การจัดการน้ำและการทําฟาร์มที่มีประสิทธิภาพ โดยเป้าหมายของรัฐบาล คือ การเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรไทย 3 เท่า ภายใน 4 ปีข้างหน้า พร้อมวางแผนขยายตลาดอาหารนวัตกรรมแห่งอนาคต เช่น อาหารจากพืชที่มีโปรตีนสูง และผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากเนื้อสัตว์

สำหรับการรับมือกับความขัดแย้งระหว่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลก นายกรัฐมนตรียืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการแสวงหาสันติภาพและการไม่แบ่งแยก โดยไทยจะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกสมาชิกในประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินความสัมพันธ์เชิงรุกและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่สําคัญของไทยในทุกภูมิภาค และเชื่อว่านโยบายต่างประเทศที่เป็นกลางและไม่แบ่งแยกของไทย จะส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าและโลจิสติกส์ของภูมิภาคได้

นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ซึ่งไทยมีเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2065 ด้วยการลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล และแสวงหา “สิ่งทดแทน” โดยการเพิ่มพื้นที่ป่าและลงทุนในพลังงานหมุนเวียน พร้อมยินดีที่จะประกาศว่า ในปีที่ผ่านมาไทยสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 15% ในภาคพลังงานและการขนส่ง นับเป็นโอกาสดีที่ไทยและภาคเอกชนจะร่วมมือกัน เพื่อก้าวไปสู่ความยั่งยืนและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวชักชวนให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน รวมถึงส่งเสริมเทคโนโลยี องค์ความรู้ โดยรัฐบาลพร้อมทํางานอย่างใกล้ชิดกับ BOI และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงความสะดวกในการทําธุรกิจ สิทธิประโยชน์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนของภูมิภาค ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีการยื่นขอรับลงทุนจาก BOI เพิ่มขึ้น 70% จากปีก่อนหน้า โดยคิดเป็นมูลค่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และหวังว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นทั่วโลก และนับเป็นโอกาสที่ดีสําหรับทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมกันเดินหน้าไปสู่อนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืน พร้อมเชื่อมั่นว่า ผู้ร่วมงานทุกคนในวันนี้สามารถมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า “ประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมรองรับการลงทุน และพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

กู้ร่างครบแล้ว เหตุไฟไหม้โรงงานทิชชู เสียชีวิต 10 ราย

สระบุรี 2 ก.ค. – เหตุไฟไหม้โรงงานกระดาษทิชชู ในนิคมเหมราช จ.สระบุรี ล่าสุดพบร่างที่ 10 ซึ่งเป็นร่างสุดท้าย ถือว่าภารกิจการค้นหาสิ้นสุดแล้ว ปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายกว่า 50 ชั่วโมง ยุติลงแล้ว หลังเกิดเพลิงไหม้อาคารบริษัทผลิตกระดาษทิชชู ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิว เอช เอ ซอย 8 อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ช่วงเที่ยงวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ทีมกู้ชีพ กู้ภัยร่วมกตัญญู กู้ภัยสว่างรัตนตรัย และกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับฝ่ายปกครอง และชุดค้นหาเร่งระดมสรรพกำลัง ปูพรมค้นหาร่างผู้สูญหาย 10 คน นำโดยนายสันทัศน์ รันดาเว นายอำเภอหนองแค ลงพื้นที่เกาะติดการค้นหาผู้สูญหาย ช่วง 10.30 น. มีรายงานจากทีมค้นหามูลนิธิร่วมกตัญญู แจ้งว่า ที่ชั้นบนของอาคารเกิดเหตุ พบร่างผู้สูญหายอีก 1 ร่าง อยู่ในสภาพเหลือแต่กระดูกบริเวณชั้นที่ 2 ฝั่งตะวันตกของโรงงาน ถือเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้รายที่ […]

เร่งคลี่คลายคดีโจรฉกเงิน-ทองคำ วัดม่วง

กทม. 2 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีโจรวัดม่วง ลักเงินเจ้าอาวาส 10 ล้าน ทองคำ 250 บาท หายล่องหน ขณะที่อดีตพระคนสนิท เผยประตูกุฏิล็อกถึง 5 ชั้น เชื่อฝีมือคนใน พร้อมเรียกร้องตรวจสอบเงินบริจาควัด ความคืบหน้า เหตุคนร้ายย่องลักทรัพย์ เงิน 10 ล้าน-ทองคำหนัก 250 บาท ภายในกุฏิเจ้าอาวาส วัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค วันนี้ชุดสืบสวนของ บก.ปปป. ร่วมกับชุดคลี่คลายคดีของ สน.เพชรเกษม เดินทางไปที่วัดม่วงเพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่เมื่อเดินทางไปที่กุฎิเจ้าอาวาส ปรากฏว่า กุฏิปิดเงียบล็อกกุญแจจากด้านหน้า ไร้เงาเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ ปปป. จึงพยายามโทรไปหาเจ้าอาวาสแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เปิดเผยว่า หลังปรากฏข่าว เจ้าอาวาสได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความว่าเงินและทองคำภายในกุฏิหาย ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่ากุฏิดังกล่าวไม่มีรอยงัดแงะ และการจะเข้าไปภายในต้องผ่านประตูซึ่งล็อกถึง 5 ชั้น แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่บุคคลอื่นจะเข้าไปได้ มองว่าตู้เซฟที่เก็บทรัพย์สินไว้นั้นมีขนาดใหญ่ การจะนำทรัพย์สินภายในออกไปน่าจะทำได้ยาก […]

ออกหมายจับ “บังเอ็น” มือยิงพ่อ-ลูก 1 ขวบดับ เมียเจ็บ

กระบี่ 2 ก.ค. – ออกหมายจับ “บังเอ็น” ยิงถล่มยกครัวเพื่อนบ้านดับพร้อมลูกวัยแค่ 1 ขวบเศษ ส่วนภรรยาบาดเจ็บ คาดปมเหตุนกขุนทองหลุดกรง จากเหตุสะเทือนขวัญในพื้นที่ ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ นายวิวัฒน์ หรือ “บังเอ็น” อายุ 41 ปี ใช้ปืนยิงถล่ม บ้านนายอภิวัฒน์ อายุ 37 ปี ทำให้นายอภิวัฒน์ และลูกสาววัยเพียง 1 ขวบ เสียชีวิต ส่วน น.ส.สุดารัตน์ ภรรยาของนายอภิวัฒน์ บาดเจ็บที่แขนขวา ล่าสุด ตำรวจเชิญตัว น.ส.หย้า อายุ 70 ปี แม่ของนายวิวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ เข้าสอบปากคำที่ สภ.เกาะลันตา ให้ข้อมูลว่า มูลเหตุของเรื่องมาจากนกขุนทอง 2 ตัว ที่ลูกชายซื้อมาในราคา 8,000 บาท ซึ่งตนเป็นคนเลี้ยงและให้อาหารมาประมาณ 2 เดือน […]

“หัวหน้าอิ๊งค์” เก็บตัวเงียบ ไม่เข้าประชุม สส.เพื่อไทย

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ค.-“หัวหน้าอิ๊งค์” เก็บตัวเงียบ ไม่เข้าประชุม สส.เพื่อไทย ขณะที่ “ภูมิธรรม” เผยนายกฯ เข้มแข็ง เชื่อที่ผ่านมาทำดีสุดแล้ว พร้อมสู้ต่อ ฝากบอก สส. สู้ไปด้วยกัน ขอทุกคนจับมือฝ่าวิกฤติ ลั่นไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ด้าน “วิสุทธิ์” ย้ำ สส. ห้ามขาด ห้ามตาย ป่วยก็ให้อดทนกินยา ป้องกันองค์ประชุมล่ม การประชุม สส.พรรคเพื่อไทยวันนี้ (2 ก.ค.) มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ประธานการประชุม และมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาราชการนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมนั่งหัวโต๊ะด้วย ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เดิมทีแจ้งว่าจะเข้าร่วมประชุมด้วย แต่หลังจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ก็ได้ยกเลิกภารกิจทั้งหมด รวมถึงยกเลิกการเข้าร่วมประชุม สส. พรรคเพื่อไทยด้วย ด้านนายภูมิธรรม กล่าวในที่ประชุมว่า […]