กกต. 30 ต.ค.- “โชติพิพัฒน์” อดีต สส.ภูมิใจไทย ยื่น กกต. สอบคุณสมบัติ สส.ก้าวไกล คุกคามทางเพศ ยอมรับขึ้นป้ายไม่เอา สส.คุกคามทางเพศ ชี้หากมีกระทำผิดจริงต้องถอดถอนและเลือกตั้งซ่อมใหม่
นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี อดีต สส.กทม. เขตจอมทอง พรรคภูมิใจไทย นำชาวบ้านในพื้นที่จอมทองประมาณ 50 คน ร่วมกันยื่นเอกสารให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. สอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม พรรคก้าวไกล ที่ถูกสอบทางวินัยกรณีถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศทีมงาน
นายโชติพิพัฒน์ กล่าวว่า หาก สส.มีการกระทำความผิดจริง ขอให้ กกต. ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากประชาชนเลือกผู้แทนหวังให้มาเป็นปากเป็นเสียงประชาชน กลับได้สส.คุกคามทางเพศ ทั้งที่รับตำแหน่งได้เพียง 6 เดือน แต่กลับมีข่าวกระทำความผิดกับทีมงานสาวถึง 3 ราย ซึ่งเป็นนักศึกษาที่พึ่งสำเร็จการศึกษา ตนมองว่าการกระทำคุกคามทางเพศเป็นนิสัยส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับทางพรรคก้าวไกล เนื่องจากพฤติกรรมติดเป็นนิสัย ตนเชื่อว่าก่อนรับตำแหน่งสส. ก็มีเหตุการณ์ในลักษณะก่อนหน้านี้อีก ดังนั้น ตนจึงตั้งทีมทนายความสำหรับเรื่องนี้เป็นกาลเฉพาะ ยินดีรับข้อร้องเรียนจากผู้เสียหาย เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนและผู้เสียหายที่ถูกคุกคามทางเพศ
“พรรคก้าวไกลได้ตั้งคณะกรรมการสอบพฤติกรรมของสส.ที่คุกคามทางเพศแล้ว แต่ตนอยากให้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นสส.ที่ตนเชื่อมั่นมาเป็นผู้ตรวจสอบด้วยตนเอง” นายโชติพิพัฒน์ กล่าว
ส่วนกรณีมีการขึ้นป้ายตามข้างถนน ข้อความว่า “พี่น้อง-ปชช. จอมทอง-ท่าข้าม ไม่เอา สส.คุกคามทางเพศ” อยู่เต็มสองข้างทางบนถนนพระราม 2 ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตเป็นป้ายรียูส ที่มีลักษณะคล้ายกับป้ายหาเสียงของนายโชติพิพัฒน์นั้น นายโชติพิพัฒน์ กล่าวยอมรับว่า เป็นป้ายหาเสียงเก่าของตน เนื่องจากได้รับเรื่องราวร้องทุกจากชาวบ้าน จึงเป็นผู้จัดทำป้ายจำนวน 50 ป้าย ให้ประชาชนได้รับรู้ เพื่อให้มีสืบสวนสอบสวนต่อไป ยืนยันไม่ได้เป็นการโจมตีพรรคใด เนื่องจากไม่มีการระบุอยู่ในข้อความ
“แม้ว่าพรรคก้าวไกลมีกำหนดจะมีการประกาศสรุปผลการสอบพฤติกรรมสส.คุกคามทางเพศ ในวันที่ 31 ต.ค. แต่ตนมองว่ายังไม่มีความคืบหน้า จึงต้องออกมาร้องเรียนกับ กกต. และบอกกับพี่น้องประชาชนผ่านสื่อ เพราะหากเราปล่อยผ่านในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาจทำให้ปัญหาดังกล่าวเงียบหายไป” นายโชติพิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ หากมีการกระทำผิดจริง สส.จะรับผิดชอบอย่างไร นายโชติพิพัฒน์ กล่าวว่า ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยต้องให้ กกต. ดำเนินการสืบสวนก่อน เมื่อมีข้อมูลและพยานหลักฐานชัดเจน ก็ต้องมีการถอดถอนตามระเบียบ เพื่อนำสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
นายโชติพัฒน์ ยืนยัน การมายื่นร้องเรียน ไม่ใช่เรื่องของประโยชน์ทับซ้อน แต่ตนเป็นอดีต สส.ในพื้นที่ ต้องออกมาปกป้อง ไม่ใช่จะไปล้ม และยอมรับว่าหากสส.คนดังกล่าวต้องพ้นสมาชิกสภาพ ตนก็จะลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย แต่ไม่จำเป็นว่าตนจะได้รับเลือกเป็น สส.สมัยนี้ เพราะอยู่ที่ประชาชน ไม่สามารถไปบังคับได้ ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาตนได้คะแนนมาเป็นอันดับ 6- 7 ขอให้ประชาชนอย่ากังวลว่าตนจะมาเพื่อหวังผลทางการเมือง ทั้งนี้ตนเคยเป็นสมาชิกเก่าพรรคอนาคตใหม่ ออกจากพรรคก่อนที่จะถูกยุบพรรค และย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยก่อนที่จะมีการตั้งพรรคก้าวไกลขึ้นมา.-สำนักข่าวไทย