กรุงเทพฯ 28 ต.ค. – “ศิริกัญญา” ปัดด้อยค่า-ดิสเครดิต “ดิจิทัลวอลเล็ต” เข้าใจดีรัฐบาลกำลังปวดหัวเรื่องหาแหล่งเงิน แนะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทน เชื่อประชาชนรับได้ มองพรรคร่วมรัฐบาลหนุนดิจิทัลวอลเล็ต รอแสดงท่าทีผ่านมติ ครม.
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ปฏิเสธการกล่าวหาพรรคก้าวไกลดิสเครดิตนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพียงแต่ย้ำถึงเจตนาต้องการให้รัฐบาลนำข้อมูลข้อเท็จจริงแจ้งให้ประชาชนรับทราบ หากแต่รัฐบาลมองว่าเป็นการด้อยค่า ดิสเครดิต ก็ต้องขออภัย แม้รัฐบาลไม่ได้ทำตามที่หาเสียงเอาไว้ ก็ไม่ถึงขั้นขัดต่อกฎหมายการเมือง หรือมีความผิดอะไร หากจะทำขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่าเมื่อรัฐบาลเดินหน้าดำเนินนโยบายต่อในการออกพระราชกำหนดเงินกู้ หรือหากจะใช้ธนาคารของรัฐก็ยังติดปัญหาเรื่องของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันแม้รัฐบาลจะแบ่งจ่ายเป็นงวด ใช้งบประมาณผูกพัน 4 ปี ก็ยังขัดต่อกฎหมายเงินตรา
น.ส.ศิริกัญญา เชื่อว่า หากคณะกรรมการชุดใหญ่ได้รับฟังเสียงสะท้อนและการคัดค้านจากสังคม ประเมินว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ที่อาจไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์ตามที่คณะอนุกรรมการเสนอให้พิจารณา 3 เงื่อนไข หรืออาจมีการเสนอขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ รอความชัดเจน และเข้าใจว่ารัฐบาลกำลังปวดหัวในการหาแหล่งเงินงบประมาณมาใช้กับโครงการนี้ เพราะงบประมาณปกติไม่เพียงพอ โดยส่วนตัวเห็นว่า ยังมีอีกหลายแนวทางที่จะนำงบประมาณมาใช้ให้เกิดประโยชน์และความคุ้มค่า เนื่องจากงบประมาณมีอยู่จำกัด และไม่สามารถเพิ่มเติมได้ในระยะสั้น เพื่อนำมาใช้ในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จึงเสนอให้รัฐบาลเปลี่ยนนำงบประมาณไปใช้ในโครงการอื่น ที่จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีกว่า เช่น การลงทุน
น.ส.ศิริกัญญา เชื่อว่า สุดท้ายแล้วคณะรัฐมนตรีจะต้องลงมติว่าจะเดินหน้าต่อนโยบายนี้หรือไม่ และจะได้เห็นท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเห็นด้วยหรือไม่กับนโยบายนี้ แต่ส่วนตัวเห็นว่า เมื่อพรรคร่วมฯ ได้ร่วมหอลงโรงเดียวกันแล้ว น่าจะเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะไม่ได้เป็นปัญหาอุปสรรคของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะไม่ให้โครงการนี้เกิดขึ้น แต่ยังไม่ชี้ชัดว่า พรรคก้าวไกล ในฐานะฝ่ายค้าน จะนำนโยบายดังกล่าวไปสู่การอภิปรายทั่วไป หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้นโยบายยังไม่มีความชัดเจน เพราะยังไม่ได้เริ่ม จึงยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ แต่เมื่อโครงการได้เริ่มต้นก็จะดูว่าเกิดปัญหาอะไรบ้าง และพรรคก้าวไกลจะติดตามรายละเอียดอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเสนอแนะไปยังรัฐบาลว่า ควรยึดเป้าหมายเป็นสำคัญมากกว่าวิธีการ
“หากไปยึดติดว่าต้องแจกเงิน แจกเงินอย่างเดียว อาจทำให้สูญเสียเป้าหมายใหญ่ที่ทางพรรคเพื่อไทยเคยสัญญากับประชาชนไว้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตให้ได้ จีดีพี 5% ตลอด 4 ปี หากปรับเปลี่ยนวิธีการและเกิดผลลัพธ์แบบเดียวกัน เชื่อว่าประชาชนจะสามารถรับฟังได้” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว. – สำนักข่าวไทย