รัฐสภา 26 ต.ค.-“เศรษฐา” สวมเนคไทสีส้ม-ถุงเท้าเขียว ตอบกระทู้ถามสดครั้งแรก แจงผลเยือนหลายประเทศ มั่นใจดึงลงทุนได้เพิ่ม พร้อมเร่งช่วยแรงงานไทยในอิสราเอล
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบกระทู้ถามสดต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ตั้งแต่มีสภาฯ ชุดที่ 26 ซึ่งวันนี้(26 ต.ค.) เป็นวันสุดท้ายการประชุมในสมัยประชุมนี้ และมีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมวันที่ 31 ต.ค.นี้ โดยนายกรัฐมนตรีตอบกระทู้ถามกรณีการเดินทางเยือนต่างประเทศว่าได้อะไรบ้าง ซึ่งตั้งคำถามโดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้เกียรติสภาฯ เสมอ หากไม่ติดภารกิจจำเป็นจะมาตอบกระทู้และข้อสงสัยของส.ส. เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่มีต่อฝ่ายนิติบัญญัติ และว่า “วันนี้ผมใส่เนคไทสีส้มถุงเท้าสีเขียว”
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงการเดินทางเยือนหลายต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยถึงการค้าขาย สินค้าเกษตร คุยกับภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีความสนใจต้องการลงทุนในประเทศไทย รวมถึงการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมในประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีประเด็นการหารือการเยือนซาอุดิอาระเบียเพื่อขอให้ช่วยเจรจาปล่อยตัวประกันในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นหลายประเทศที่เดินทางไป ยืนยันว่าขณะนี้ประเทศไทยพร้อมแล้ว เปิดแล้ว และดีแล้วที่จะมาลงทุน
“รัฐบาลที่ผ่านมาเจรจากับภาคเอกชนให้ลงทุนในการผลิตรถยนต์ อีวี ผมไปสานต่อ เพื่อให้ลงทุนด้านซัพพลายเชน และลงทุนด้านอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมเอสเอ็มอีในประเทศด้วย ในด้านองค์ความรู้ ซึ่งทีมงานของผมจะดำเนินงานต่อไป ส่วนการเจรจาเอฟทีเอ ได้รับความช่วยเหลือจากนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศ เร่งเจรจาและปิดดีลให้ได้ เพื่อให้สบายใจว่าในการลงทุนจะมีสนธิสัญญาและผลักดันการค้าระหว่างสองประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางกลับประเทศหลังเผชิญเหตุการความรุนแรงในประเทศอิสราเอล ว่า ขณะนี้มีแรงงานที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ 8,000 คน และอพยพออกมาได้ เหลืออีก 4,000 คน ทั้งนี้ พบปัญหาใหญ่ช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา ว่านายจ้างเสนอเงินเพิ่มเพื่อให้แรงงานไทยอยู่ต่อ ดังนั้น การแก้ปัญหา รัฐบาลจะใช้แผนซ้อนแผน คือ การหามาตรการช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานที่อพยพออกจากพื้นที่ โดยได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต่างประเทศที่ต้องการแรงงานไปทำงาน ซึ่งพบว่าได้ค่าแรงที่สูงเช่นกัน
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงมาตรการเยียวยาของรัฐบาล ตามที่ได้ข้อเสนอจากรัฐมนตรีที่เกกี่ยวข้อง คือ การช่วยแรงงานที่เป็นหนี้สินซึ่งเกิดจากการจ่ายค่านายหน้าเพื่อให้ได้ไปทำงาน เฉลี่ย 1.5 แสนบาท ซึ่งจะหารือกับธกส. เพื่อให้สินเชื่อพิเศษเพื่อใช้หนี้ ผ่อนจ่ายระยะยาว 30 ปี ดอกเบี้ย 0.1% ขณะที่กระทรวงแรงงานสร้างแรงจูงใจในการจ้างงานสำหรับแรงงานที่มาจากอิสราเอลเพราะถือว่าเป็นแรงงานคุณภาพ ซึ่งรัฐบาลพร้อมทำเต็มที่เพื่อนำแรงงานไทยกกลับมาให้เร็วที่สุด
“ยืนยันว่ารัฐบาลทำเต็มที่ เพื่อพาแรงงานกลับมาโดยเร็ว โดยไม่อยากใหคำนึงเรื่องเงิน มาก่อนเรื่องชีวิต และต้องเผชิญความเสี่ยง อย่างไรก็ดีจากเหตุที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงสภาพเศรษฐกิจ และฐานะคนไทย ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการยกกระดับชีวิตตนไทยทุกคน” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย