ซาอุดีอาระเบีย 21 ต.ค. – นายกรัฐมนตรีเดินหน้าสานต่อสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย หวังเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันการค้า-ลงทุน
เมื่อเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำเร็จในการเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ว่าเมื่อค่ำวันที่ 20 ต.ค. เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงริยาด ได้เลี้ยงรับรองอาหารค่ำตนกับคณะ โดยได้พบกับทีมไทยแลนด์ และเจ้าหน้าที่ทางพาณิชย์การค้า การลงทุน ซึ่งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน
ทั้งนี้ ทางเอกอัครราชทูตไทยได้ให้ข้อคิดว่า ความจริงแล้วศักยภาพการค้า การลงทุน ที่ซาอุดีอาระเบียยังสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายการค้า ด้านการเกษตร เชิงพาณิชย์ และการลงทุน ซึ่งบีโอไอได้แจ้งว่าต้องการเจ้าหน้าที่ประจำซาอุดีอาระเบีย หลังจากพูดคุยกันแล้วตนมีความเข้าใจถึงความต้องการตรงนี้ และอยากให้เอกอัครราชทูตเขียนมาว่าเหตุผลที่ต้องการคืออะไร เพราะถือว่าเป็นประเทศหลักที่รัฐบาลเพิ่งเปิดความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง หลังจากปิดไปนาน ถือว่าเป็นประเทศที่ไทยอยากมีความสัมพันธ์กันเพิ่มขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน การค้า การลงทุนขึ้นไปอีก
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนได้ไปเยี่ยมชมเมืองโบราณของซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 300-400 ปี ถือเป็นเมืองแรกในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถูกทำลายไปและสร้างขึ้นมาใหม่ โดยมีการลงทุนไปเยอะมากในการสร้างเมืองนี้แห่งการท่องเที่ยว มีการสร้างพื้นที่อย่างมโหฬหาร และได้ขึ้นเป็นทะเบียนมรดกโลกด้วย รวมถึงยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการเมืองแห่งอนาคต มีการลงทุนกว่า 5 แสนล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อไปดูก็ตกใจในความอลังการยิ่งใหญ่ โดยซาอุดีอาระเบียมีความมั่งคั่งสูงจากการค้าขายปิโตรเคมีคอลและน้ำมัน เพราะฉะนั้นจึงมีเงินทุนสูงมาก แต่เขาเองก็ทราบดีว่าโลกเปลี่ยนไป การส่งเสริมการลงทุนและสร้างเมืองใหม่เป็นเรื่องสำคัญ ตนได้ดูนิทรรศการและวิธีการที่เขาเสนอ ซึ่งการลงทุนน่าจะนำไปใช้ได้ในการต้องทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในแง่เมกะโปรเจกต์ที่เราจะทำที่เมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือแลนด์บริดจ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้คุยกับภาคเอกชน 4 บริษัท บริษัทแรกคือ SALIC เป็นบริษัทที่ครบวงจรด้านการเกษตรและปศุสัตว์ มีการลงทุนไปทั่วโลก เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร เรารู้สึกแปลกใจอย่างมาก ขนาดประเทศเขามีแต่ทะเลทราย แต่มีบริษัทใหญ่ระดับโลกในการค้าขายสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ ที่อเมริกาใต้ ยุโรป และในเอเชีย วันนี้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ทางด้านการเกษตร ด้านปศุสัตว์ เรื่องของวัว ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ว่าจะสามารถผลักดันไปด้วยกันหรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้จะให้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำภาคเอกชนมาพูดคุยกับทางบริษัทกับ SALIC ซึ่งเขาก็ยินดีและตื่นเต้นที่เราจะมีการทำอะไรร่วมกันในมิติใหม่ๆ และมิติใหญ่ๆ รวมถึงได้เจอกับกลุ่มกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่มาก ลงทุนทั้งในซาอุดีอาระเบียและต่างประเทศ เช่น สหรัฐ และจีน แต่ยังไม่มีการลงทุนที่เมืองไทย แต่ต้องการลงทุนด้านเมกะโปรเจกต์ เพราะฉะนั้นไทยเองมีโครงการขนาดใหญ่เยอะ จึงจะมีการพูดคุยกันต่อ
ทั้งนี้ ทางบริษัทดังกล่าวยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทปิโตรเคมีและน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีการค้าขายกับเราเยอะอยู่แล้ว และพยายามหาโอกาสร่วมมือทำธุรกิจกับไทยในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาโรงกลั่น ซึ่งเขาเข้าใจว่าโรงกลั่นเรามีสภาพที่เก่าและต้องการอัพเกรด ซึ่งต้องการเงินลงทุนหลายแสนล้านบาท จึงมีการพูดคุย และตนจะส่งเจ้าหน้าที่มาประสานงานต่อ และรายสุดท้ายคือ บริษัท SABIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ของซาอุดีอาระเบีย หนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ถือหุ้นคนเดียวกัน นั่นคือ PIF ซึ่งมีการลงทุนในเยอะมากอยู่แล้ว และเรื่องของปุ๋ย ที่ส่งให้เราเป็นรายใหญ่ที่สุด เอกชนไทยที่ทำเกษตรกรรมก็ซื้อจากบริษัทนี้เยอะมาก รวมถึงหัวเชื้อปุ๋ย ที่เรามีอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็จะมีการพูดคุยเพื่อหาความร่วมมือกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า และสิ่งที่น่ายินดีอย่างหนึ่งที่ตนถามเขาว่าบริษัท SABIC มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ปตท. และหลายบริษัทเอกชน ทางเขาติดขัดอะไรหรือไม่เกี่ยวกับการลงทุน การทำธุรกิจกับไทย ซึ่งเขาบอกไม่มีเลย ทุกอย่างได้รับการสนับสนุนที่ดีมาก และอยากให้การสัมพันธ์เดินต่อไป ตนต้องขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมงานกับทางบริษัท SABIC ที่ทำให้เขาชื่นชมเราได้ตรงนี้ หวังว่าการลงทุนจะพัฒนาต่อไปในทุกมิติ .-สำนักข่าวไทย